ด่วน! ผู้พิการ 9 หมื่นราย รีบติดต่อ พม. ต่ออายุบัตร อัปเดตข้อมูล รับเงินหมื่น

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางโอนเงิน ตามโครงการ "เงินหมื่นกระตุ้นเศรษฐกิจ" โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ โดยมีผู้มีสิทธิได้รับเงิน 10,000 บาท ในวันแรกจำนวน 3,167,565 ราย แบ่งเป็น ผู้พิการ 2.1 ล้านราย และที่เหลือเป็นผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เลขบัตรประชาชนลงท้ายเลข 0 ซึ่งมีการเริ่มโอนตั้งแต่เวลา 00.00 น. และสำเร็จเสร็จสิ้นราว 07.30 น. 

ทั้งนี้ ในการโอนเงินสำหรับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ยังมีเงินเดือนข้าราชการอีกด้วย จึงทำให้ระบบการโอนผ่านพร้อมเพย์ และโอนเงินเข้าบัญชีผู้พิการล่าช้าเล็กน้อย แต่ทั้งนี้ กระบวนการทั้งหมดราบรื่น ไม่มีปัญหา

โดยสามารถตรวจสอบสิทธิได้ผ่านแอปพลิเคชัน "รัฐจ่าย" และเว็บไซต์ของทางกรมบัญชีกลาง ซึ่งหากประชาชนตรวจสอบสิทธิแล้วไม่พบรายชื่อ ก็จะได้รับสิทธิกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบถัดไป 
 

นายจุลพันธ์ กล่าวย้ำว่า ยังมีผู้พิการอีก 90,000 กว่าราย ที่ยังมีสถานะต้องไปแก้ไข เช่น บัตรหมดอายุ หรือข้อมูลบัตรผิดพลาด ยังไม่ได้เชื่อมข้อมูลในการรับโอนเงิน ก็ขอให้ประสานกับทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อแก้ไขสถานะของบัตรให้เรียบร้อย 

รวมทั้ง กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์ จึงขอให้รีบดำเนินการให้เรียบร้อยผ่านทาง ATM และสาขาธนาคารที่รับโอนเงิน

"โดยหลังจากนี้ รัฐบาลจะมีการโอนเงินซ้ำให้อีก 3 ครั้ง ภายในวันที่ 22 ต.ค. 22 พ.ย. และ 22 ธ.ค. หากกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้น แต่หากมีผู้มีสิทธิที่ดำเนินการไม่ครบถ้วนจะถือว่าประสงค์ไม่รับสิทธิกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว"

สำหรับสถานะของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะมีการทบทวนทุก 2 ปี ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้งในเดือนเมษายน ปี 2568 โดยต้องผ่านการอนุมัติของคุณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน ซึ่งหากประชาชนคนไหนเคยถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ได้หมายความว่าจะได้สิทธิในรอบนี้ เนื่องจากบัตรของท่านไม่ได้อยู่ในกรอบของผู้ได้รับสิทธิ 

ซึ่งเกณฑ์การได้รับสิทธินั้นจะดูว่า ท่านได้รับเงินช่วยเหลือรายเดือนตามสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 อยู่หรือไม่ หากได้รับก็จะได้รับเงิน 10,000 บาท ทั้งนี้ หากมีข้อผิดพลาดเรื่องรายชื่อตกหล่น ทางภาครัฐจะเปิดโอกาสให้มีการคุยกับทางจังหวัด เพื่อสอบถามกับทางอำเภอหรือเขตในท้องที่ เพื่อตรวจสอบอีกครั้งต่อไป