‘เอกนัฏ’ ท้าชน ‘อิทธิพลมืด’ ล้างบางกลุ่มปล่อย 'กากพิษ'
"เอกนัฏ พร้อมพันธุ์" รมต.อุตสาหกรรม ท้าชน "อิทธิพลมืด" ประกาศล้างบางกลุ่มผู้ลักลอบปล่อย "กากพิษ" ลั่น เอาจริงไม่สนหน้าไหน
“เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นรมต.หนุ่มไฟแรง เมื่อแรกเริ่มได้เข้ามาทำงานวันแรกที่กระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2567 ประกาศความมุ่งมั่นหลายโปรเจกต์ และเล็งเห็นถึงความสำคัญของการกำจัดกากพิษได้ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบสารเคมีรั่วไหลจากการลักลอบทิ้ง และการจัดการไม่ถูกต้องของบริษัท วินโพรเสส จำกัด อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ทันที
ที่ผ่านมาจากการลักลอบการปล่อยสารพิษ ได้สร้างมลพิษทางอากาศ ทำลายสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่
“รมต.เอกนัฏ” เล่าว่า ความท้าทายในเรื่องของสิ่งแวดล้อม สมัยที่ยังเป็นเด็กอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัว และในจังหวะหนึ่งกลับถูกสังคมมองว่าเป็นพวกโลกสวย แต่มาถึงวันนี้ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสภาพภูมิอากาศโลก เศรษฐกิจ และสังคม กลายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริง จึงไม่ใช่ปัญหาโลกสวยอีกต่อไป และเป็นสิ่งที่ต้องช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ให้กระทบรายได้ประเทศ
“รมต.เอกนัฏ” ย้ำว่าภารกิจดูแลสิ่งแวดล้อมจะทำคนเดียวไม่ได้ จึงต้องระดมกำลังทุกภาคส่วน และเมื่อได้เข้ามาบริหารงานที่กระทรวงอุตสาหกรรม ยืนยันเจตนารมณ์ และสื่อสารชัดเจนเกี่ยวกับภารกิจ “ระดมกำลังหน่วยราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผสานความร่วมมือกับเอกชน และประชาชน เพื่อรับชัยชนะกับภารกิจนี้ด้วย”
ดังนั้น ปัญหาใหญ่สุดที่อยู่ในใจ และยังติดใจตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาทำงาน คือ “ปัญหากากอุตสาหกรรมที่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม”
“รมต.เอกนัฏ” ได้ประกาศเดินหน้าจัดการกับกลุ่มธุรกิจที่เอาเปรียบประชาชน ไร้ซึ่งความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะกลุ่มลักลอบปล่อยของเสีย รวมถึงกลุ่มธุรกิจที่รับกำจัดกากพิษแล้วไม่ดำเนินการให้ถูกต้อง สร้างชื่อเสียงไม่ดีให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมไทย
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่กากพิษกองอยู่ใน จ.ระยอง ราชบุรี หรือ เพชรบูรณ์ แต่ยังมีที่จังหวัดอื่นๆ เพราะมีกลุ่มมีอิทธิพล มีอำนาจอยู่เบื้องหลัง
“รมต.เอกนัฏ” เล่าว่า วันแรกที่ลงพื้นมีโทรศัพท์มาจึงได้สะท้อนออกไปชัดเจนว่า “ไม่กลัว” และพร้อมที่จะร่วมมือกับผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้าจัดการกับปัญหาเหล่านี้ทันที ซึ่งย้ำว่าต้องจัดการให้ได้
ดังนั้น การจะดำเนินขั้นตอนอย่างถูกต้อง และแม่นยำ จึงต้องใช้นวัตกรรมช่วยตรวจ ติดตามวางระบบส่วนกลางเพื่อมอนิเตอร์แบบเรียลไทม์ เพื่อการดำเนินการที่ต้องเป็นธรรม และโปร่งใสต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อปฏิรูปอุตสาหกรรมใหม่ทั้ง 14 ฉบับ
จึงได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อการปฏิรูปอุตสาหกรรม โดยตั้งมือกฎหมาย "อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี" เป็นประธาน และกรรมการ กว่า 10 คน ประกอบด้วย ข้าราชการกระทรวงฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันทีที่เข้าทำงาน
“รมต.เอกนัฏ” ยืนยันว่า ทั้งหมดไม่ได้แก้เพื่ออำนาจตนเองและไม่ทำให้ชีวิตผู้ประกอบการและข้าราชการเหนื่อยขึ้น แต่แก้เพื่อให้การทำมาหากินสะดวก โปร่งใส ที่สำคัญต้องมีอำนาจเพียงพอต่อการจัดการคนทำผิด
หวังว่าความมุ่งมั่นและตั้งใจดีของ “รมต.เอกนัฏ” จะสำเร็จโดยเร็ว ในอนาคตจะไม่เห็นข้อร้องเรียนในการลักลอบทิ้งกากพิษเกิดขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ อีก เพื่อลดปัญหาด้านมลพิษ สิ่งแวดล้อม เพื่อให้คุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่โดยรอบดีขึ้น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์