แนะ “อาเซียน” ผนึกกำลัง รับความเสี่ยงวิกฤติโลก
เหตุขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ที่ปะทุขึ้นทั่วโลก และยังอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น เป็นความเสี่ยงต่อการขยายตัวเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอลง การรวมกลุ่มในระดับภูมิภาคของ “อาเซียน” จึงอาจเป็นทางรอดที่สำคัญ
คริส ฮัมฟรีย์ กรรมการบริหารสภาธุรกิจ สหภาพยุโรป-อาเซียน กล่าวในหัวข้อเสวนา “Geopoitics in the Modern World: Powers, Resources and Global Trade Wars ในงาน “ASEAN ECONOMIC OUTLOOK 2025” จัดโดย “กรุงเทพธุรกิจ” วันนี้ (7 ต.ค.67) ว่า ความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็น อิสราเอลในตะวันออกกลาง การรุกรานยูเครนของรัสเซีย และความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในทะเลจีนใต้ เป็นความเสี่ยงของภูมิภาคอาเซียนที่กำลังเผชิญกับความเปราะบางทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเกิดการรวมกลุ่มและความร่วมมือในระดับภูมิภาคเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้
“ตามที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวในเซสชั่นเมื่อเช้านี้ เรื่องความจำเป็นในการรวมกลุ่มของอาเซียน ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการก้าวผ่านช่วงเวลาผันผวนและอันตรายของสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เกิดขึ้นในวันนี้“
คริส กล่าวต่อว่า สถานการณ์ในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้า ยังคงน่าหวาดหวั่นที่จะมีความรุนแรงมากขึ้นในตะวันออกกลาง หากอิสราเอลต้องเจอกับการปะทะที่รุนแรงขึ้น ย่อมกระทบราคาน้ำมันให้กลับขึ้นไปสูงทะลุเพดาน การเดินเรือก็อาจต้องชะงัก
ซึ่งไม่ว่าขณะนี้จะมีการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงการลงทุน กระจายการผลิตในซัพพลายเชนไปมากแค่ไหนก็ย่อมได้รับผลกระทบ ดังนั้นการรวมกลุ่มกันในภูมิภาคจะสร้างความเข้มแข็งและลดความเสี่ยงได้มากกว่า
”หากความขัดแย้งเกิดขึ้นและเป็นไปในทิศทางที่แย่ลง ก็อาจทำให้เห็นบริษัทใหญ่เลือกที่จะยับยั้งการขยายการลงทุนใหม่ๆ ซึ่งจะต้องเตรียมรับมือกับความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจในภาพรวมจะขยายตัวได้ลดลง”
ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียน จำเป็นต้องมีการปรับมาตรฐานให้สอดคล้องกัน ลดอุปสรรคการค้าที่ไม่ใช่ภาษี และการเพิ่มการค้าขายเพื่อลดการเผชิญกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
“สิ่งที่รัฐบาลต้องหลีกเลี่ยงคือนโยบายปกป้องอุตสาหกรรมซึ่งอาจทำให้การแข่งขันและการเติบโตทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก การลดอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี เพื่อให้ห่วงโซ่อุปทานดำเนินไปอย่างราบรื่น ให้เกิดการไหลเวียนของสินค้าและบริการ รวมทั้งการลงทุนในด้านการศึกษาเพื่อเตรียมรับกับตลาดงานในอนาคตที่จะเปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน” คริส กล่าวทิ้งท้าย