‘ไทย’ รุกเวทีโลกเข้าร่วมพันธมิตร BRICS ‘บลิงเคน’ ถามหาเหตุผลยื่นใบสมัคร

‘ไทย’ รุกเวทีโลกเข้าร่วมพันธมิตร BRICS ‘บลิงเคน’ ถามหาเหตุผลยื่นใบสมัคร

“ไทย” เดินหน้าเป็นสมาชิกบริกส์ - โออีซีดี ล่าสุดเข้าเป็นพันธมิตรกลุ่มบริกส์ “บลิงเคน” ถามเหตุผลยื่นสมัคร ไทยแจงยึดเศรษฐกิจมากกว่าภูมิรัฐศาสตร์ เลขาธิการโออีซีดี เยือนไทยสัปดาห์หน้าหารือเป็นสมาชิก “เอกชน” หนุน ชี้ขยายโอกาสการค้า รักษาสมดุลความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

"ไทย" กำลังมีจังหวะก้าวที่สำคัญบนเวทีโลกหลังจากแสดงความจำนงเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศที่จะเพิ่มบทบาทของไทยบนเวทีโลก 2 กลุ่ม ประกอบด้วย

1.กลุ่มบริกส์ (BRICS) ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างหนังสือแสดงความประสงค์ของประเทศไทยในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่ม บริกส์ เมื่อวันที่ 28 พ.ค.2567

2.องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) โดย ครม.เห็นชอบร่างหนังสือแสดงเจตจำนงของไทยในการเข้าเป็นสมาชิก OECD เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2566

สำหรับกลุ่มบริกส์ (BRICS) มีนโยบายขยายความร่วมมือกับประเทศที่ไม่ใช่สมาชิก โดยเชิญประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกเข้าร่วมกลไกของการประชุมสุดยอดกลุ่มบริกส์ ครั้งที่ 16 เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย วันที่ 22-24 ต.ค.2567 

ทั้งนี้ที่ผ่านมาไทยเร่งเดินหน้าเข้าร่วมกระบวนการเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ เพื่อยกระดับบทบาทของไทยในฐานะผู้มีบทบาทนำในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และเพิ่มการมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

สำหรับกลุ่มบริกส์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2549 เป็นการรวมตัวของประเทศตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ โดยมีสมาชิกเริ่มแรก คือ บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน ภายใต้ชื่อกลุ่ม BRIC ต่อมาแอฟริกาใต้เป็นสมาชิกในปี 2553 และเปลี่ยนชื่อเป็นกลุ่ม BRICS 

หลังจากนั้นวันที่ 1 ม.ค.2567 มีสมาชิกเพิ่ม 5 ประเทศ รวมเป็น 10 ประเทศ คือ เอธิโอเปีย อียิปต์ ซาอุดีอาระเบีย อิหร่าน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมมีประชากรทั้งหมด 39% ของโลก และมี GDP รวม 28.4% ของโลก

กระทรวงการต่างประเทศ สรุปข้อมูลกลุ่มบริกส์เสนอ ครม.เมื่อเดือนพ.ค.2567 เพื่อขอความเห็นชอบการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ ว่า กลุ่มบริกส์มีท่าทีคานอำนาจกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยให้ความสำคัญ 3 ประเด็น คือ 

‘ไทย’ รุกเวทีโลกเข้าร่วมพันธมิตร BRICS ‘บลิงเคน’ ถามหาเหตุผลยื่นใบสมัคร

1.การปฏิรูปโครงสร้างการจัดการเศรษฐกิจโลกเพื่อให้กลุ่มประเทศกำลังพัฒนามีบทบาทมากขึ้น 

2.การส่งเสริมใช้เงินสกุลท้องถิ่นทำธุรกรรมระหว่างประเทศ เพื่อลดการพึ่งสกุลเงินดอลลาร์ 

3.การสร้างกลไกระหว่างประเทศทางเลือกทั้งด้านการเงิน การให้ความช่วยเหลือ และการระดมทุนเพื่อการพัฒนา

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศรายงาน ครม.ว่าด้านการเมือง และความมั่นคงระหว่างประเทศ กลุ่มบริกส์ มักมีท่าทีไม่สอดคล้องกับท่าทีของกลุ่มประเทศตะวันตก โดยเฉพาะวิกฤติซีเรีย ปัญหานิวเคลียร์อิหร่าน และสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน

สำหรับขึ้นตอนการยื่นสมัครเข้าเป็นสมาชิกเริ่มจากการที่ไทยยื่นหนังสือแสดงความประสงค์อย่างเป็นทางการต่อประธานกลุ่มบริกส์ ในระดับผู้นำหรือรัฐมนตรีต่างประเทศ จะทำให้ไทยมีสถานะประเทศที่แสดงความสนใจ และท้ายที่สุดผู้นำประเทศสมาชิกกลุ่มบริกส์ จะให้ความเห็นชอบโดยฉันทามติจึงจะมีสถานะเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบ (Full Member)

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนของนายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนเมืองคาซาน ของรัสเซีย ที่เป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำกลุ่มบริกส์กับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา (BRICS Plus Summit) ครั้งที่ 4 วันที่ 24 ต.ค.2567 ในหัวข้อ “BRICS and the Global South: Building a Better World Together” 

สำหรับการประชุมครั้งนี้ได้หารือแนวทางการแก้ไขปัญหาความท้าทายในระดับภูมิภาค และระดับโลก รวมถึงหารือการส่งเสริมระบบพหุภาคีเพื่อการสร้างระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นธรรม และเป็นประโยชน์ต่อประเทศกำลังพัฒนามากขึ้น โดยการประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นหลังการประชุมผู้นำบริกส์ เมื่อวันที่ 23 ต.ค.2567

 

ทั้งนี้ ไทยได้รับเชิญร่วมประชุม BRICS Plus ตั้งแต่ปี 2560 โดยการประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสให้ฝ่ายไทยเน้นความมุ่งมั่นการยกระดับปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มบริกส์ หลังจากไทยยื่นหนังสือแสดงความประสงค์เข้าเป็นสมาชิกเมื่อเดือนมิ.ย.2567

นอกจากนี้ ข้อมูล BRICS News บัญชี@BRICSinfo บนแพลตฟอร์ม X รายงานว่า กลุ่มบริกส์ ได้เพิ่ม 13 ประเทศเป็นพันธมิตรที่ยังไม่ใช่สมาชิกเต็มตัว ประกอบด้วย แอลจีเรีย เบลารุส โบลิเวีย คิวบา อินโดนีเซีย คาซัคสถาน มาเลเซีย ไนจีเรีย ไทย ตุรกี ยูกันดา อุซเบกิสถาน และเวียดนาม

‘ไทย’ รุกเวทีโลกเข้าร่วมพันธมิตร BRICS ‘บลิงเคน’ ถามหาเหตุผลยื่นใบสมัคร

“บลิงเคน”ถามเหตุผลไทยยื่นใบสมัคร

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ระหว่างการประชุมผู้นำอาเซียน ระหว่างวันที่ 9 - 11 ต.ค.2567 ที่ประเทศลาว ได้มีการหารือทวิภาคีระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับนายแอนโทนี เจ.บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ โดยสหรัฐได้สอบถามการสมัครเข้ากระบวนการเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ของไทย

ทั้งนี้ ไทยได้ชี้แจงสหรัฐถึงเหตุผลที่ต้องการขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยไม่ได้มีเหตุผลทางภูมิรัฐศาสตร์แต่เป็นเหตุผลทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นการเข้าสู่ตลาดขนาดใหญ่หลายประเทศที่มีประชากรมาก โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยไม่ถึง 2% แต่การขยายตลาดจะสนับสนุนเป้าหมายเศรษฐกิจขยายตัวได้ และสหรัฐได้รับฟัง และเข้าใจเหตุผลดังกล่าว

“ทูตจีน” ยินดีไทยเป็นหุ้นส่วนบริกส์

นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ปาฐกถาพิเศษ “เศรษฐกิจจีนในมุมมองใหม่” จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย 

ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีไทยเป็นหนึ่งใน 13 ประเทศที่ได้รับสถานะหุ้นส่วนของกลุ่มบริกส์ ว่า บริกส์เป็นกลไกรวบรวมประเทศกำลังพัฒนาและประเทศตลาดเกิดใหม่ หรือที่เรียกว่ากลุ่มประเทศใต้ Global South จึงได้รับความสนใจมากขึ้น

ช่วงนี้สถานการณ์โลกซับซ้อนมากมีปัญหาหลายด้าน เช่น ปัญหาด้านความมั่นคง และปัญหาการพัฒนาประเทศต่างๆ จึงเชื่อว่ากลไกบริกส์ทำให้โลกน่าเชื่อถือขึ้น

สำหรับการประชุมผู้นำบริกส์ปี 2566 รับสมาชิกใหม่ 5 ประเทศ ในการประชุมปี 2567 มีมากกว่า 30 ประเทศต้องการเป็นสมาชิกบริกส์ ซึ่งการประชุมสุดยอดบริกส์วันที่ 23 ต.ค.2567 ได้เปิดประตูต้อนรับสมาชิกใหม่ โดยมีมติว่าประเทศที่สมัครควรมาเป็นประเทศหุ้นส่วนเสียก่อน ซึ่งทราบว่าไทยได้เข้าเป็นประเทศหุ้นส่วนบริกส์ในชุดแรกในรอบนี้จึงขอแสดงความยินดี

“ประเทศจีนขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่ง และอยากจะขอเชิญไทยเข้าร่วมครอบครัวบริกส์”เอกอัครราชทูตจีน กล่าว

‘ไทย’ รุกเวทีโลกเข้าร่วมพันธมิตร BRICS ‘บลิงเคน’ ถามหาเหตุผลยื่นใบสมัคร

แนะรักษาสมดุลความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่ไทยสมัครสมาชิกทั้งกลุ่มบริกส์ และ OECD อาจเปิดโอกาสให้ไทยได้รับประโยชน์จากความร่วมมือในมิติที่หลากหลาย 

สำหรับกลุ่มบริกส์ มีแกนนำเป็นรัสเซีย บราซิล จีน อินเดีย และแอฟริกาใต้ โดยมุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการเมืองระหว่างประเทศเกิดใหม่หรือประเทศกำลังพัฒนา 

ดังนั้น การที่ไทยเข้าร่วม BRICS อาจเปิดโอกาสให้ไทยขยายการค้า และการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพสูง เช่น การเข้าถึงทรัพยากรหรือเทคโนโลยีจากประเทศสมาชิก การพัฒนาความร่วมมือทางการเงินผ่านธนาคารเพื่อการพัฒนาของ BRICS (New Development Bank) ซึ่งจะช่วยสนับสนุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทยได้

ขณะที่ OECD เป็นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่มีสมาชิกส่วนใหญ่มาจากชาติตะวันตก และเน้นเรื่องการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการพัฒนามาตรฐานในระดับสากล 

ดังนั้น การเข้าร่วม OECD จะทำให้ไทยมีโอกาสได้รับคำแนะนำจากประเทศที่มีเศรษฐกิจพัฒนาแล้วในด้านการปฏิรูปเศรษฐกิจ การพัฒนามาตรฐานการบริหารจัดการที่ทันสมัย การปฏิรูปภาษี และการจัดการการค้า ซึ่งจะช่วยยกระดับศักยภาพในการแข่งขัน และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

“การที่ประเทศไทยต้องการเป็นสมาชิกทั้งสองกลุ่มก็แสดงถึงความพยายามของไทยในการขยายความร่วมมือระหว่างประเทศในระดับโลก แต่ในขณะเดียวกันไทยก็ต้องรักษาสมดุล และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีจุดยืนแตกต่างกันไว้ด้วยเช่นเดียวกัน” นายสนั่น กล่าว

‘ไทย’ รุกเวทีโลกเข้าร่วมพันธมิตร BRICS ‘บลิงเคน’ ถามหาเหตุผลยื่นใบสมัคร

คาดสมาชิก“บริกส์”เพิ่มขึ้นอีกหนุนการค้า

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า การส่งออกไทยต้องพยายามรักษาตลาดเดิม สร้างตลาดใหม่ ซึ่งกลุ่มบริกส์เป็นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่เพราะมีทั้งประเทศในแถบเอเชีย เอเชียใต้ และแอฟริกา โดยกลุ่มบริกส์ มีสัดส่วนการส่งออก 18% ของการส่งออกไทยทั้งหมด

ทั้งนี้ถือเป็นโอกาสของไทยในการส่งออกเพิ่ม โดยเฉพาะจีน และอินเดียเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ และภายใต้ความร่วมมือภายในกลุ่มบริกส์ จะขยายมากขึ้นเรื่อยๆ และจะมีประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลาง มาร่วมเพิ่มขึ้น

สำหรับสินค้าไทยที่มีโอกาสส่งออกได้เพิ่มมากขึ้น และเป็นสินค้าที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มบริกส์ คือ สินค้าในกลุ่ม อาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์

อย่างไรก็ตามควรศึกษาความเป็นไปได้ แต่ความท้าทายในการรักษาสมดุลด้านการเมือง ซึ่งตลอดเวลาไทยสามารถวางบทบาทที่ดี เน้นความเป็นกลางทางการเมืองระหว่างประเทศ และเน้นค้าขายมากกว่า

ไทยตั้งเป้าเข้าร่วมสมาชิก OECD ใน 5 ปี

สำหรับความคืบหน้าของประเทศไทยในการเข้าเป็นสมาชิก OECD ที่ไทยได้ดำเนินการยื่นเจตจำนงสมัครเข้าเป็นสมาชิก OECD และภาคีสมาชิกของ OECD ได้มีมติยอมรับให้ไทยเข้าสู่กระบวนการหารือเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการเป็นสมาชิกในอนาคต

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจว่า ในสัปดาห์หน้า นายมาทีอัส คอร์มัน เลขาธิการ OECD จะเดินทางมายังประเทศไทย และมีกำหนดการเข้าหารือกับนางสาวแพทองธาร ที่ทำเนียบรัฐบาล 

ทั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้มีการพูดคุยกันถึงความคืบหน้าของการเข้าร่วมเป็นสมาชิก OECD ของไทย รวมทั้งรับฟังคำแนะนำจากเลขาธิการ OECD ที่จะช่วยให้ไทยสามารถบรรลุเป้าหมายของประเทศไทยในการเข้าเป็นสมาชิกได้

รวมทั้งไทยตั้งเป้าหมายในการทำงานว่าจะเข้าเป็นสมาชิกของ OECD ภายใน 5 ปี โดยจะร่วมโปรแกรมต่างๆ รวมทั้งปรับปรุงกฎระเบียบ ข้อกฎหมาย และมาตรฐานต่างๆ ให้ทัดเทียมสากล ทั้งนี้ การประเมินว่าไทยจะได้รับการยอมรับให้เป็นสมาชิกนั้นไม่สามารถระบุระยะเวลาที่ชัดเจนได้ขึ้นกับการพิจารณาภายในของประเทศต่างๆ ที่เป็นภาคีสมาชิกในกลุ่มด้วย

‘ไทย’ รุกเวทีโลกเข้าร่วมพันธมิตร BRICS ‘บลิงเคน’ ถามหาเหตุผลยื่นใบสมัคร

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิกาสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า การผลักดันให้ไทยเป็นสมาชิก OECD ครม.มอบหมายให้ สศช.เป็นหน่วยงานหลักทำงานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ โดยขั้นตอนการเข้าเป็นสมาชิกเริ่มเป็นทางการเมื่อไทยยื่นหนังสือแสดงเจตจำนงเมื่อวันที่ 12 ก.พ.2567

รวมทั้งที่ผ่านมาคณะมนตรี OECD ประกอบด้วยเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรประเทศสมาชิก OECD มีมติเห็นชอบให้เชิญไทยเข้ากระบวนการการหารือเพื่อเข้าเป็นสมาชิก OECD (accession discussions) เป็นที่เรียบร้อย โดยขั้นตอนต่อจากนี้ไทยและ OECD จะทำงานร่วมกันใกล้ชิดทำแผนการเข้าเป็นสมาชิก (Accession Roadmap) ที่จะกำหนดเป้าหมายเงื่อนไข และกรอบเวลา

รวมทั้งมีคณะกรรมการและการประชุมของ OECD ที่ไทยจะต้องเข้าร่วมอีกอย่างน้อยกว่า 26 ชุด และเมื่อไทยดำเนินการตามแผนครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว คณะมนตรี OECD จะพิจารณาเชิญไทยเข้าเป็นสมาชิกตามขั้นตอน

ทั้งนี้ การเข้าเป็นสมาชิก OECD จะทำให้สถานะไทยในเวทีระหว่างประเทศได้รับการยอมรับมากขึ้นในเรื่องของมาตรฐาน กฎระเบียบที่เป็นสากลซึ่งจะเอื้อให้เกิดการลงทุนจากบริษัทชั้นนำจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย

 

 


พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์