สบน.เล็งออก 'พันธบัตรเพื่อความยั่งยืน' รวม 1.3 แสนล้าน อายุ 15 ปี
สบน.เล็งออก 'พันธบัตรเพื่อความยั่งยืน' มูลค่า 1.3 แสนล้าน รุ่นอายุ 15 ปี กำหนด 2 ตัวชี้วัดมีผลอัตราดอกเบี้ย ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30% และจดทะเบียนใหม่รถอีวีไม่ต่ำกว่า 4.4 แสนคันในปี 2573
นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) มีแผนที่จะออกพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond) ครั้งแรกของรัฐบาลไทย เพื่อเป็นเครื่องมือระดมทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นการระดมทุนเพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนการมีส่วนร่วมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ทั้งนี้ เพื่อให้คุณสมบัติของพันธบัตรดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานสากล สบน. ได้จัดทำกรอบการระดมทุนส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond Financing Framework) ที่สอดคล้องตามมาตรฐานที่กำหนดโดย International Capital Market Association (ICMA) และ ASEAN Capital Market Forum (ACMF) โดยได้รับการตรวจสอบและรับรองจาก DNV ซึ่งเป็นหน่วยงานผู้ให้ความเห็นอิสระระดับสากล (Second Party Opinion) ซึ่งจะเป็นการยืนยันถึงความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของกรอบการดำเนินงานของ สบน.
โดยกรอบการระดมทุนครอบคลุมถึงการกําหนดตัวชี้วัด (Key Performance Indicators: KPIs) และเป้าหมายด้านความยั่งยืน (Sustainable Performance Targets: SPTs) เงื่อนไขและรายละเอียดของพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน แนวทางและหลักเกณฑ์ในการวัดผลและรายงานผลการดำเนินงานตามเป้าหมายความยั่งยืนของพันธบัตรดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ ในการกำหนดตัวชี้วัดและเป้าหมายการดำเนินงานด้านความยั่งยืน สบน. ได้กำหนด KPIsหลัก และ SPTs ที่สำคัญ 2 ด้าน ดังนี้
1. ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ไม่รวมการใช้ประโยชน์จากที่ดินและป่าไม้) ไม่เกิน 388,500 ktCO2e ในปี พ.ศ. 2573 (คิดเป็นปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจก 30% จากค่า Business As Usual (BAU))
2. ปริมาณการจดทะเบียนใหม่ของรถที่ปลดปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (Zero Emission Vehicles : ZEVs) ประเภทรถยนต์นั่งและรถกระบะ (Passenger Car and Pick-Up Trucks) ไม่ต่ำกว่า 440,000 คัน ในปี พ.ศ.
สำหรับ ลักษณะพิเศษเงื่อนไขการจ่ายดอกเบี้ยของพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืนจะแตกต่างจากพันธบัตรทั่วไป โดยระดับความสำเร็จของเป้าหมายด้านความยั่งยืน (SPTs) ที่กำหนดจะเป็นปัจจัยกำหนดการปรับอัตราดอกเบี้ย
โดยในกรณีที่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้พันธบัตรจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น หรือ ในกรณีที่สามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ พันธบัตรจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยลง ดังนี้
หาก SPT 1 ไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย:ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 2.5 bps บรรลุเป้าหมาย :ปรับอัตราดอกเบี้ยลง 2.5 bps
หาก SPT 2 ไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย :ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 2.5 bps บรรลุเป้าหมาย :ปรับอัตราดอกเบี้ยลง 2.5 bps
ในการออกพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืนครั้งนี้ สบน.จะดำเนินการออกพันธบัตรรุ่น SLB406A อายุ 15 ปี ทั้งหมด 1.3 แสนล้านบาท โดยทยอยออกในวงเงิน 20,000 - 30,000 ล้านบาท ผ่านผู้จัดจําหน่าย 4 ราย ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จํากัด (มหาชน)
ทั้งนี้ สบน. จะดำเนินการสำรวจความต้องการซื้อตราสารหนี้ (Book Building) ในวันที่ 19 พ.ย.2567 และเสนอขาย (Issue Date) ในวันที่ 25 พ.ย.2567 สบน. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการออกพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืนในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเป็นอย่างดี และนำไปสู่เป้าหมายในการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ที่ยั่งยืนต่อไป
ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานภาครัฐที่มีบทบาทสำคัญในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ประกอบด้วย กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กรมสรรพสามิต สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และกรมการขนส่งทางบก รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศ ประกอบด้วย ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) Global Green Growth Institute (GGGI) และสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme: UNDP) ที่ร่วมกันออกแบบและพัฒนารูปแบบและเงื่อนไขของพันธบัตรให้สอดคล้องกับแนวทางการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการบรรลุเป้าหมายของ UNSDGs ได้อย่างเหมาะสม
"การออกพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืนในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ของประเทศไทย โดย สบน. ได้กำหนดให้พันธบัตร SLB406A เป็น Benchmark Bond รุ่นอายุ 15 ปี ด้วย"