'ศิริกัญญา' เบรก 'คลัง' ใช้อีก 2 หมื่นล้านเพิ่มสัดส่วนถือหุ้น 'การบินไทย'

'ศิริกัญญา' เบรก 'คลัง' ใช้อีก 2 หมื่นล้านเพิ่มสัดส่วนถือหุ้น 'การบินไทย'

“ศิริกัญญา” ชวนจับตาคลังเพิ่มสัดส่วนผู้บริหารแผนฟื้นฟูอีก 2 คน หวังคุมเสียงข้างมากบริหารแผนฯ ชี้ไม่มีความจำเป็นที่คลังจะซื้อหุ้นการบินไทยเพิ่มจากสัดส่วน 33% ที่มีสิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุน คาดต้องใช้อีก 2 หมื่นล้าน ชี้การบินไทยทำกำไรได้จากการบริหารตัวที่คล่องตัว

นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการคลังในฐานะเจ้าหนี้บริษัท การบินไทยขอเพิ่มผู้บริหารแผนฟื้นฟูอีก 2 คน โดยเพิ่มคนจากฝั่งของภาครัฐเพื่อคุมเสียงข้างมากในการบริหารแผนฟื้นฟูว่าเรื่องนี้ภาครัฐถือว่ากระตือรือร้นมากกว่าปกติเพราะที่ผ่านมา 3 – 4 ปีการบินไทยต้องดำเนินการตามแผนฟื้นฟู และสามารถดำเนินการได้ดีขึ้นเรื่อยๆโดยการบริหารแบบเอกชน โดยที่ภาครัฐไม่ได้เข้ามาช่วยและก่อนหน้านี้ที่ขอกู้เงินเพิ่มจากกระทรวงการคลังก็ไม่ได้รับการจัดสรรเงินกู้ให้แต่อย่างใด

   ทั้งนี้ในวันที่ 8 พ.ย. นี้ เจ้าหนี้การบินไทยทั้งหมดจะต้องโหวตรับรองแผนฟื้นฟูฉบับแก้ไข เพื่อขอลดทุนเพื่อล้างหนี้สะสมซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญหนึ่งในการปฏิบัติตามแผนฟื้นฟูของการบินไทย โดยในส่วนนี้การขอเพิ่มสัดส่วนผู้บริหารแผนจากภาครัฐอีก 2 คน เท่ากับว่าเป็นความพยายามของรัฐบาลที่จะเข้ามาคุมเสียงข้างมากในการบริหารแผนฟื้นฟูฯและในส่วนขั้นตอนการแปลงหนี้เป็นทุน

โดยการเข้ามาคุมเสียงข้างมากในการบริหารแผนฟื้นฟูฯก็ถือว่าไม่ปกติอยู่แล้วเพราะว่าหากคิดตามสัดส่วนของการที่รัฐบาลให้การบินไทยกู้เงินอยู่ที่ 12,800 ล้านบาทจากยอดหนี้ 129,000 ล้าน หรือคิดเป็น 10% เท่านั้น แต่รัฐบาลจะขอเป็นเสียงข้างมากในคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ

นางสาวศิริกัญญา กล่าวต่อว่า สิ่งที่สังคมต้องช่วยกันติดตามและเป็นคำถามของเจ้าหนี้รายอื่นๆของการบินไทยด้วยก็คือ กระทรวงการคลัง หรือรัฐบาลกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เพราะการบินไทยกำลังจะดำเนินการเรื่องแปลงหนี้เป็นทุนซึ่งเดิมนั้นเมื่อแปลงหนี้เป็นทุนนั้นกระทรวงการคลังก็จะถือหุ้นในการบินไทยสูงอยู่แล้วคือสูงถึง 33%

ทั้งนี้ตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมากระทรวงการคลังก็ส่งสัญญาณว่าจะมีการซื้อหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งการถือหุ้น 33% นั้นก็ถือว่าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในการบินไทยอยู่แล้ว มีอำนาจที่จะแต่งตั้งบอร์ด และการตัดสินใจต่างๆ ทั้งนี้สิ่งที่ต้องติดตามก็คือแผนที่การบินไทยกำลังจะทำต่อไปนั้นฝ่ายการเมืองอาจจะอยากเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น การซื้อเครื่องบิน ที่การบินไทยกำลังมีแผนจะจัดซื้อเพิ่ม รวมทั้งการแต่งตั้งคนเข้าไปในบอร์ดหรือตำแหน่งต่างๆด้วย

ทั้งนี้หากกระทรวงการคลังมีแผนที่จะซื้อหุ้นการบินไทยเพิ่มอีกสมมุติว่าจะซื้อให้ได้สัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 33% ไปจนถึง 49% ก็มีคนข้างในการบินไทยคำนวณว่าต้องใช้เงินอีกไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท

ซึ่งถามว่าจำเป็นหรือไม่ ก็ไม่ได้มีความจำเป็นเพราะกระทรวงการคลังนั้นจะถือหุ้นใหญ่ในการบินไทยอยู่แล้ว แล้วในภาวะแบบนี้ต้องใช้เงินอีก 2 หมื่นล้านบาท รัฐบาลจะเอาเงินมาจากไหน อาจจะต้องไปใช้จากการขายหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ในสินทรัพย์อื่นๆ ด้วย

“ในช่วง 3 – 4 ปีที่ผ่านมา การบินไทยสามารถดำเนินการได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจ โดยเป็นการดำเนินการที่เป็นการดำเนินงานแบบเอกชนทำให้มีความคล่องตัว การเข้ามาแทรกแซงของรัฐทำให้สังคมมีคำถามและคนในการบินไทยเองก็กังวลด้วยว่าภาครัฐกำลังคิดอะไร และการบินไทยจะกลับไปมีสภาพเหมือนในอดีตที่ผ่านมาที่มีการเมืองเข้าไปแทรกแซงอีก ต้องจับตาที่ประชุมเจ้าหนี้การบินไทยในวันที่ 8 พ.ย.นี้ว่าจะโหวตไม่รับผู้บริหารแผนคนใหม่หรือไม่ ซึ่งก็มีแนวโน้มที่เจ้าหนี้จะโหวตไม่รับ”นางสาวศิริกัญญา กล่าว