เกษตรมูลค่าสูงปี 67 เพิ่มรายได้เกษตรกรจริง 1.5 เท่า เล็งส่งเสริมพืช 200 กลุ่ม

เกษตรมูลค่าสูงปี 67 เพิ่มรายได้เกษตรกรจริง  1.5 เท่า เล็งส่งเสริมพืช 200 กลุ่ม

กรมส่งเสริมการเกษตร เดินหน้าปี 68 ยกพืช 200 กลุ่ม สู่เกษตรมูลค่าสูง เพิ่มรายได้ สู่การพึ่งพาตนเอง หลังผลการดำเนินงาน ปี 67 เข้าเป้าเกษตรกรมี รายได้เพิ่ม 1.5 เท่า

นายวีรศักดิ์ บุญเชิญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินการขับเคลื่อนโครงการสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูง “1 ท้องถิ่น 1 สินค้าเกษตรมูลค่าสูง” ตามนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีเป้าหมายพัฒนาแปลงต้นแบบเกษตรมูลค่าสูง 500 ตำบล และยกระดับรายได้สุทธิทางการเกษตรให้เพิ่มขึ้น 3 เท่า ภายในปี 2570

เกษตรมูลค่าสูงปี 67 เพิ่มรายได้เกษตรกรจริง  1.5 เท่า เล็งส่งเสริมพืช 200 กลุ่ม เกษตรมูลค่าสูงปี 67 เพิ่มรายได้เกษตรกรจริง  1.5 เท่า เล็งส่งเสริมพืช 200 กลุ่ม

 กรมส่งเสริมการเกษตรซึ่งรับผิดชอบสินค้าด้านพืช แมลงเศรษฐกิจ และบริการเชิงสร้างสรรค์ ได้มีการคัดเลือกพื้นที่และสินค้าเกษตรมูลค่าสูงด้านพืช แมลงเศรษฐกิจ และบริการเชิงสร้างสรรค์ นำร่อง จำนวน 84 กลุ่ม ตั้งเป้ายกระดับรายได้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการให้เพิ่มขึ้นเป็น 1.5 เท่าในปีแรก

ผลการดำเนินงานโครงการฯ ภาพรวมในปีที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ เกษตรกรมีรายได้เฉลี่ยหลังเข้าร่วมโครงการปีแรกเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 77,495 บาท คิดเป็นร้อยละ 128.66 จากการที่เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรได้เข้าไปดำเนินการพัฒนา แก้ไขปัญหา Pain Point ของกลุ่มที่เข้าร่วมโครงการฯ พัฒนาและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูงตามหลักการ ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้

 “จากการดำเนินงานในปีแรกพบว่าส่วนใหญ่มีปัญหาด้านต้นทุนการผลิต รวมถึงปัญหาด้านการตลาดที่เกษตรกรมีความต้องการขยายตลาดจำหน่ายผลผลิต โดยเจ้าหน้าที่และเกษตรกรได้ร่วมจัดทำแผนพัฒนารายสินค้าในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างเช่นกล้วยไม้ของแปลงใหญ่กล้วยไม้ ตำบลหนองนกไข่ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร มีเกษตรกรสมาชิก 26 ราย พื้นที่ปลูกกล้วยไม้ 335 ไร่ เดิมมีรายได้ปี 2566 อยู่ที่ 94,500 บาท/ครัวเรือน จากการวิเคราะห์พบปัญหาข้อจำกัดเรื่องโรคแมลงและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์

เกษตรมูลค่าสูงปี 67 เพิ่มรายได้เกษตรกรจริง  1.5 เท่า เล็งส่งเสริมพืช 200 กลุ่ม

 จึงได้ส่งเสริมการใช้กับดักกาวเหนียวเพื่อกำจัดแมลงศัตรูควบคุมการระบาดของโรคและแมลง และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลผลิต เจรจาต่อรองกับต่างประเทศเพื่อส่งออกกล้วยไม้แถบเอเชียมากขึ้น ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ตอบสนองความต้องการของตลาด Modern Trade และตลาดออนไลน์ ส่งผลให้รายได้ในปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 260,061 บาท/ครัวเรือน คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 175.20 จากปี 2566 นอกจากนี้ยังมีสินค้าลำไยของแปลงใหญ่ลำไย ตำบลบ้านโฮ่ง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน เกษตรกรสมาชิก 30 ราย พื้นที่ปลูกลำไย 148 ไร่ เดิมมีรายได้ปี 2566 อยู่ที่ 29,000 บาท/ครัวเรือน 

จากการวิเคราะห์พบปัญหาการพัฒนาคุณภาพการผลิต เกษตรกรขาดความรู้ในการผลิตลำไยคุณภาพ และปัญหาเรื่องการตลาด จึงได้ส่งเสริมการถ่ายทอดความรู้ในการผลิตลำไยคุณภาพ การทำลำไยสดช่อให้ออกผลสม่ำเสมอ และส่งเสริมการเชื่อมโยงตลาดลำไยคุณภาพ ส่งจำหน่ายยังภูมิภาคอื่น ๆ ภายในประเทศ พร้อมทั้งทำตลาดในทุกมิติทั้งแบบ Online และ Offline ส่งผลให้รายได้ในปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 53,100 บาท/ครัวเรือน คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 83.10 จากปี 2566”

 ทั้งนี้ ในปี 2568 กรมส่งเสริมการเกษตรอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดเก็บข้อมูลในแบบสัมภาษณ์ข้อมูลพื้นฐานเพื่อประเมินความเหมาะสมสู่การพัฒนาศักยภาพสินค้าเกษตรโครงการส่งเสริมและพัฒนาเพื่อเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานและบริการมูลค่าสูง ปี 2568 โดยเน้นย้ำให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการรวมกลุ่มของเกษตรกร จัดทำแผนธุรกิจการเกษตรจากความต้องการของเกษตรกรและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ควบคู่ไปกับ การวางรากฐานในการสร้างหรือพัฒนาระบบนิเวศทางการเกษตรที่เอื้ออำนวยต่อการผลิต สินค้าเกษตรภายในท้องถิ่นนั้น ๆ ให้เกิดประสิทธิภาพ มีคุณภาพที่ดี เพียงพอต่อความต้องการของตลาดและขายได้ในราคาที่สมเหตุสมผล

เกษตรมูลค่าสูงปี 67 เพิ่มรายได้เกษตรกรจริง  1.5 เท่า เล็งส่งเสริมพืช 200 กลุ่ม

โดยอาศัยกลไกการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ภายในท้องถิ่น บูรณาการทำงานร่วมกัน ทั้งเกษตรกร หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม พร้อมด้วยสถาบันการศึกษา และองค์กรทางวิชาการ ในการกำหนดแนวทางพัฒนาการเกษตรของท้องถิ่น ให้เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน มีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ และเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับรายได้ของครัวเรือนเกษตรกรให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้เข้มแข็งตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล