ครม.ไฟเขียว ‘รฟท.’ กู้เงิน 17,500 ล้าน เสริมสภาพคล่อง หลังเงินสดขาดมือ
ครม.ไฟเขียว รฟท.กู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงาน 17,5000 ล้าน โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ บำรุงด้านโครงสร้างพื้นฐานทางระบบราง
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอการกู้เงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) วงเงิน 17,500 ล้านบาท ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2474 มาตรา 39 (4) โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม ซึ่ง รฟท. จะดำเนินการกู้เงินได้ภายหลังจากวงเงินกู้ได้รับการบรรจุไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2568 ที่ผ่านความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว
ทั้งนี้ การขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการกู้เงินให้ รฟท. พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องสำหรับการกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงาน (กรณีรายได้ไม่เพียงพอสำหรับรายจ่าย) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และให้ กค. พิจารณาเร่งรัดการกำหนดหลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรเงินชดเชยของรัฐวิสาหกิจตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (สงป.) ต่อไป
นายคารม กล่าวว่า รฟท.ประสบปัญหาขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก รฟท. ต้องจัดสรรเงินรายได้จากการดำเนินงานไว้เพื่อจ่ายชำระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายเงินกู้ และต้องนำรายได้ส่วนที่เหลือไปเป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงด้านโครงสร้างพื้นฐานทางระบบรางทั้งด้านการโดยสารและสินค้า
เช่น หมอนรองราง ระบบอาณัติสัญญาณเครื่องกันทั่วประเทศ การบำรุงรักษารถจักร และล้อเลื่อน ค่าใช้จ่ายในการเดินรถ ค่าใช้จ่ายในการบริหาร และค่าใช้จ่ายบำเหน็จบำนาญ ซึ่งในปีงบประมาณ 2568 รฟท.มีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
โดยมีเงินสดจ่ายมากกว่าเงินสดรับ ทั้งสิ้น 17,500 ล้านบาท ซึ่ง รฟท. เริ่มขาดเงินตั้งแต่เดือนต.ค.2567 จึงจำเป็นต้องเสนอ ครม.เพื่อให้ความเห็นชอบการกู้เงินในครั้งนี้เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่อง และเพื่อให้มีเงินสดหมุนเวียนในการใช้จ่ายดำเนินงาน