‘ศุภชัย’ ย้ำจุดยืนไทยเป็นกลาง พื้นที่ปลอดภัยรับการลงทุน

‘ศุภชัย’ ย้ำจุดยืนไทยเป็นกลาง พื้นที่ปลอดภัยรับการลงทุน

“ศุภชัย” ย้ำจุดยืนไทยเป็นกลางเหมือนสวิตซ์แห่งเอเชีย พื้นที่ปลอดภัยรับการลงทุน มองจีนเหมือนพี่ใหญ่ สหรัฐเหมือนบอสใหญ่ พร้อมร่วมมือทั้งสองฝ่าย

นายศุภชัย เจียรวนนท์ รองประธานอาวุโส และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (ซีพี) และประธานกรรมการบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานเสวนาหัวข้อ “Thailand Now-And Next” ในการประชุม "Forbes Global CEO Conference" เมื่อวันที่ 20 พ.ย.2567 ว่า จุดยืนของไทยยังคงเป็นกลาง ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน แม้ความตึงเครียมระหว่างทั้ง 2 ประเทศจะเพิ่มขึ้นหลังการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ ในสมัยที่ 2 

“ประเทศจีนเป็นเหมือนพี่ใหญ่สำหรับไทย ขณะที่สหรัฐเป็นเหมือนบิ๊กบอส ซึ่งไทยพร้อมจะทำงานกับทั้งคู่ และผมมองว่าประเทศไทยจะเป็นแพลตฟอร์มที่ทั้งสองประเทศสามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ในหลายมิติ ขณะนี้ไทยยืนอยู่ในจุดที่ดีมากเหมือนเป็นสวิตซ์แห่งเอเชีย”

เตรียมซัพพลายเชนภูมิภาค รับโลกแบ่งขั้ว

ทั้งนี้ในมุมมองเครือซีพี การลงทุนในภูมิภาคอาเซียนยังคงน่าดึงดูดที่สุด เนื่องจากอาเซียนอัตราการเติบโตที่ดี ปัจจุบัน เครีอซีพีกระจายการลงทุนไปใน 21 ประเทศทั่วโลก ทั้งในไทย จีน อาเซียน ยุโรป สหรัฐ และรัสเซีย โดยดำเนินธุรกิจหลักในกลุ่มเกษตรและอาหาร ซึ่งความขัดแย้งระหว่างภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลกระทบไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม ธุรกิจยังต้องมีการปรับตัวรับการแบ่งแยกขั้ว หรือโลกาภิวัตน์ถดถอย ด้วยการสร้างซัพพลายเชนในภูมิภาค

ขณะที่การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเอไอนั้น จะเข้ามาเปลี่ยนภูมิทัศน์ภาคธุรกิจทั้งองคาพยพ ตั้งแต่การดำเนินงานที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพ พัฒนานวัตกรรมและสินค้า ไปจนถึงการบริหารองค์กร

‘ศุภชัย’ ย้ำจุดยืนไทยเป็นกลาง พื้นที่ปลอดภัยรับการลงทุน

"เอไอ" เปลี่ยนองคาพยพธุรกิจ

ขณะที่การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเอไอนั้น จะเข้ามาเปลี่ยนภูมิทัศน์ภาคธุรกิจทั้งองคาพยพ ตั้งแต่การดำเนินงานที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพ พัฒนานวัตกรรมและสินค้า ไปจนถึงการบริหารองค์กร

“แต่ละแผนกจะต้องฝึกการใช้เอไอเพื่อเป็นเครื่องมือที่เข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพการทำงาน ซึ่งเชื่อว่าการทำงานกับเอไอจะทำให้บริษัทเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าได้มากขึ้น รวมทั้งช่วยลดต้นทุนให้องค์กรด้วย”

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า การเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลจะต้องเกิดขึ้นตั้งแต่วิสัยทัศน์ของผู้นำ รวมทั้งการเรียนรู้ใหม่ของผู้บริหารระดับสูง การเปิดกว้างร่วมลงทุนกับบริษัทเทคโนโลยีเพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเร็วมาก รวมทั้งต้องรับฟังและเรียนรู้จากคนรุ่นใหม่