นายกหมู ชี้รายใหญ่ขยายกำลังการผลิตกระทบรายย่อย ชวนสร้างเสถียรภาพร่วมกัน
สถานการณ์หมูในประเทศเริ่มฟื้น ผู้เลี้ยงรายใหญ่ขยายกำลังผลิต หวั่นกระทบรายย่อย ชวนร่วมสร้างเสถียรภาพอุตสาหกรรม พยุงรายย่อยเติบโตไปด้วยกัน
นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า สถานการณ์ของอุตสาหกรรมสุกรในขณะนี้กำลังมีการขยายธุรกิจของผู้ประกอบการรายใหญ่หลายราย ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตหมูไม่สอดคล้องกับความต้องการบริโภค หวั่นเกษตรกรรายเล็ก-รายย่อยแข่งขันยากและจะหายไปจากระบบ ขอความร่วมมือผู้ประกอบการรายใหญ่ร่วมสร้างเสถียรภาพอุตสาหกรรม โดยหยุดขยายธุรกิจสุกรและหันมาจับมือเกษตรกรรายเล็ก-รายย่อยให้สามารถประกอบอาชีพ เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
“ผลผลิตหมูก็ไม่ต่างจากสินค้าเกษตรอื่นๆ ที่ต้องมีความสมดุลระหว่างซัพพลายและดีมานด์ ดังที่เคยปรากฏเหตุการณ์ราคาหมูพุ่งสูงขึ้นมากจากการที่หมูหายไปจากระบบเพราะโรคระบาด หรือราคาหมูที่ตกต่ำอย่างรุนแรงเมื่อมีหมูเถื่อนทะลักเข้ามาเบียดเบียนตลาด ความร่วมมือในการรักษาระดับผลผลิตให้สอดคล้องกับอัตราการบริโภคจึงเป็นสิ่งสำคัญ ในแวดวงของผู้ผลิตหมูก็มีทั้งเกษตรกรรายย่อย รายเล็ก รายกลาง และผู้ประกอบการรายใหญ่ ทั้งหมดต้องพึ่งพาอาศัยกันช่วยกันรักษาอุตสาหกรรมนี้ให้อยู่รอด หากรายใหญ่ซึ่งมีกำลังมากกว่า สายป่านยาวกว่า มุ่งแต่จะขยายธุรกิจสุกรของตนย่อมส่งผลกระทบถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมนี้ สู้ช่วยกันจับมือรายเล็ก-รายย่อยให้เดินร่วมกันบนเส้นทางอาชีพนี้ต่อไปจะมั่นคงและยั่งยืนกว่า” นายสิทธิพันธ์กล่าว
ปัจจุบันประเทศไทยมีผลผลิตสุกรประมาณ 20 ล้านตัวต่อปี ส่วนใหญ่เป็นของผู้ประกอบการรายใหญ่ 10 ราย โดยหากแต่ละรายยังคงขยายธุรกิจสุกรอย่างต่อเนื่อง จะไม่สอดคล้องกับความต้องการบริโภคที่มีเท่าเดิม และมีแนวโน้มลดลงจากประชากรไทยที่สูงอายุมากขึ้น ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จะส่งผลให้อุปสงค์-อุปทานไม่สมดุล และเป็นสาเหตุหลักให้เสถียรภาพของอุตสาหกรรมหมูต้องสั่นคลอน ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูรายเล็ก-รายย่อยไม่สามารถแข่งขันได้ ต้องประสบปัญหาขาดทุนและหายออกไปจากระบบทั้งหมดเป็นแน่
ทั้งนี้ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ มีบทบาทหน้าที่ในการสนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการทั้งระบบให้อยู่ร่วมกันได้ในระยะยาวอย่างยั่งยืน จึงต้องขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการรายใหญ่ โปรดชะลอและหยุดการเพิ่มปริมาณพ่อแม่พันธุ์ เพื่อให้ผลผลิตหมูในแต่ละปีสอดคล้องเหมาะสมกับอัตราการบริโภคของคนไทย และเหลือพื้นที่ให้เกษตรกรรายเล็ก-รายย่อยได้ประกอบอาชีพผู้เลี้ยงสุกรต่อไป ภายใต้การประคับประคองและสนับสนุนจากผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งจะส่งผลดีอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมสุกรโดยรวม