ราคาน้ำมันพุ่ง หลังอียูตกลงคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม

ราคาน้ำมันพุ่ง หลังอียูตกลงคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม

ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น หลังจากสหภาพยุโรป (อียู) ตกลงใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่เพื่อกดดันรัสเซียซึ่งอาจจะกระทบอุปทานนำ้มัน ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้วพุ่งสูงเกินคาด ถ่วงราคาน้ำมันดิบ

รอยเตอร์ส รายงานว่า ในวัน พุธ (11ธ.ค.) ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ล่วงหน้าพุ่งขึ้น 1.33 ดอลลาร์ หรือ 1.84% ปิดที่ 73.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียตล่วงหน้าพุ่งขึ้น 1.70 ดอลลาร์ หรือ 2.48% ปิดที่ 70.29 ดอลลาร์

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป (อียู) ตกลง ใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบที่ 15 เพื่อลงโทษที่รัสเซีย ทำสงครามกับยูเครน

“ดิฉันยินดีกับการนำมาตรการคว่ำบาตรชุดที่ 15 ของเรามาใช้ โดยมีเป้าหมายโดยเฉพาะที่กองเรือเงาของรัสเซีย” นางเออร์ ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าว บนเว็บไซต์ X

กองเรือเงา” ช่วยให้รัสเซียหลีกเลี่ยงมาตรการกำหนดราคา น้ำมันดิบทางทะเลของรัสเซียที่กลุ่ม G7 กำหนดไว้ที่ 60  เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในปี 2022 และช่วยให้รัสเซียยังคง สามารถส่งน้ำมันออกได้อย่างต่อเนื่อง

ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่า 1 เหรียญ สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากมีการประกาศมาตรการคว่ำบาตร จอห์น คิลดัฟฟ์ หุ้นส่วนของบริษัทที่ปรึกษาการลงทุน Again Capital ในนิวยอร์กกล่าวว่า “การที่รัฐบาลจริงจังขึ้นอีกครั้งเกี่ยวกับการจำกัดการส่งน้ำมัน ที่นี่อาจช่วยสนับสนุนราคาได้ และช่วยชดเชยกับตัวชี้วัด ความต้องการแบบเดิมที่เราให้ความสนใจมากมาโดย ตลอด” จากข้อมูลของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ พบว่าปริมาณน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ คาดไว้ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นในขอบเขตที่จำกัด

ในขณะเดียวกันเมื่อวันพุธ องค์กรร่วมประเทศผู้ผลิตน้ำมัน เพื่อการส่งออก (OPEC) ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ อุปสงค์ในปี 2024 และ 2025 เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน และ ถือเป็นการปรับลดครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

“OPEC กำลังเผชิญหน้ากับความเป็นจริงเกี่ยวกับสิ่งที่พวก เขากำลังเผชิญ การปรับลดคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์ ตอกย้ำว่าพวกเขามีงานยุ่งมากในการพยายามรักษาสมดุล ของตลาดนี้ก่อนปี 2025” คิลดัฟฟ์ จาก Again Capital กล่าวเสริม

 กลุ่มโอเปกพลัส OPEC+ ซึ่งประกอบด้วย OPEC และผู้ผลิ ตอื่นๆ เช่น รัสเซีย ได้เลื่อนแผนการเพิ่มการผลิตออกไปเมื่อต้นเดือนนี้

อุปสงค์ที่อ่อนแอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีน ซึ่งเป็นประเทศ ผู้นำเข้ารายใหญ่ และการเติบโตของอุปทานนอกกลุ่ม OPEC+ เป็นปัจจัยสองประการที่อยู่เบื้องหลังการ เปลี่ยนแปลงดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนคาดการณ์ว่าอุปสงค์ของจีนจะเพิ่มขึ้นตามแผนล่าสุดของปักกิ่งในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ

จีนกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่าจะใช้การดำเนินนโยบายการเงินที่ “ผ่อนคลายอย่างเหมาะสม” ในปี 2025 ซึ่งถือเป็นการผ่อน คลายท่าทีครั้งแรกในรอบ 14 ปี

“แม้ว่าความพยายามในอดีตจะเน้นไปที่ภาคส่วนต่างๆ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐาน แต่มีการคาดหวังว่าจีน อาจเปลี่ยนนโยบายเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค... สิ่ง นี้จุดประกายความหวังในตลาดน้ำมัน” หลี่ ซิง กาน ที่ปรึกษา กลยุทธ์ตลาดการเงินของบริษัทหลักทรัพย์ Exness กล่าว

 การนำเข้าน้ำมันดิบของจีนยังเติบโตขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนในเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้นมากกว่า 14% จากปีก่อน

ขณะเดียวกัน ทำเนียบเครมลินกล่าวว่ารายงานเกี่ยวกับความ เป็นไปได้ที่จะเข้มงวดมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียของ สหรัฐ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ต้องการทิ้งปัญหายุ่งยากในความสัมพันธ์ระหว่าง สหรัฐฯ และรัสเซียไว้

เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวเมื่อวัน พุธว่า สหรัฐยังคงมองหาวิธีสร้างสรรค์ในการลดรายได้จาก การขายน้ำมันของรัสเซีย และความต้องการน้ำมันทั่วโลกที่ ลดลงเปิดโอกาสในการใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม