เอกชนขอ2พันล้านรื้ออุตฯกุ้งทั้งระบบ แลกผลิตเพิ่ม-คืนรายได้5หมื่นล้าน
สมาคมกุ้งเสนอรัฐบาลของบ 2,000 ล้านบาท รื้ออุตสาหกรรมกุ้งทั้งระบบ วางบทบาทเป็นวาระแห่งชาติ มุ่งแก้ปัญหาโรคระบาดอย่างเป็นรูปธรรมหวังทวงศักยภาพผู้นำการผลิต ตัั้งเป้าผลผลิต 4 แสนตันภายใน 3 ปี
นายเอกพจน์ ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์กุ้งของไทย ปี 2567 ผลผลิตกุ้งเลี้ยงโดยรวม คาดว่าอยู่ที่ 270,000 ตัน ลดลงเล็กน้อยจากปีที่ผ่านมา 4%จากปีก่อน ที่ผลิตได้ 280,000 ตัน เนื่องจากปัญหาโรคระบาด สภาพอากาศแปรปรวน กระทบคุณภาพลูกกุ้ง และการเลี้ยงของเกษตรกรรวมทั้ง ราคากุ้งตกต่ำ ส่งผลให้เกษตรกรบางส่วนชะลอการลงกุ้ง
ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรฯ ได้ประกาศนโยบายการแก้ไขปัญหากุ้งทะเลเป็นวาระแห่งชาติเพื่อ แก้ปัญหากุ้งทั้งระบบ โดยปัญหาใหญ่สุดขณะนี้ คือ ปัญหาโรคระบาดกุ้งที่แก้ไขไม่ได้ มาเป็นเวลา 11ปี แล้วและขณะนี้เกินศักยภาพเกษตรกร ที่จะแก้ไข จึงเสนอของบรัฐบาล 2,000 ล้านบาท เน้นแก้ปัญหาโรคกุ้งอย่างเป็นรูปธรรมให้ได้ภายใน 3 ปี ซึ่งจะช่วยหยุดความเสียหายกว่า 5.5 แสนล้านบาท และจะสามารถเพิ่มผลผลิตกุ้งคุณภาพได้
สำหรับปริมาณผลผลิตกุ้งปีนี้คาดว่าจะผลิตได้ประมาณ 270,000 ตัน เป็นผลผลิตกุ้งจากภาคใต้ตอนบน 37 %ภาคใต้ตอนล่างฝั่งอันดามัน 23 %จากภาคตะวันออก 20 %จากภาคกลาง 10%ภาคใต้ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย 10 %
ส่วนผลผลิตกุ้งทั่วโลกคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 5.04 ล้านตัน ลดลง 4% โดยผลผลิตจากประเทศผู้ผลิตหลักทั้งจีน เอกวาดอร์ อินเดีย เวียดนาม ลดลงทุกประเทศ
ส่งออกกุ้งปี67แสนตัน3.3หมื่นล้าน
ด้านการส่งออกกุ้งเดือน ม.ค. – ต.ค. ปี2567 อยู่ที่ปริมาณ 109,048 ตัน มูลค่า 33,954 ล้านบาท ปริมาณลดลง 1% ส่วนมูลค่าลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ที่ส่งออกปริมาณ 109,663 ตัน มูลค่า 36,284 ล้านบาท
“ปีนี้คาดว่าไทยส่งออกกุ้งได้ ประมาณ 120,000 -130,000 ตัน ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา มูลค่ารวมน่าจะแตะ 40,000 ล้านบาท และปีหน้าคาดการณ์การว่าปริมาณการส่งออก และมูลค่าจะทรงตัวพอๆ กับปีนี้ หากยังแก้ปัญหาโรคระบาดยังไม่ได้โดยตลาดสำคัญ ประกอบด้วย ญี่ปุ่น สหรัฐ จีน เกาหลีใต้และไต้หวัน”
ส่วนปัจจัยเสี่ยงการส่งออกสำคัญจากเอกวาดอร์ ที่เป็นผู้ผลิตใหญ่สุดของโลก ที่ผลิตได้ประมาณ 1.3-1.4 ล้านตัน ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าจะทุ่มราคาในตลาดโลกลงมาหรือไม่เนื่องจากการเลี้ยงกุ้งในเอกวาดอร์ มีความสำคัญคิดเป็น 20% ของจีดีพี
“ความเสียหายที่อุตสาหกรรมเผชิญมาตลอดสิบกว่าปี จากปัญหาโรคระบาด EMS หรือโรคตายด่วน ตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งที่ผ่านมาเกษตรกรพยายามทุ่มเททุกอย่างเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง และความช่วยเหลือจากกรมประมง แต่ยังไม่สามารถก้าวผ่านปัญหาโรคระบาดได้"
วาระแห่งชาติหวังเป็นผลรูปธรรม
ดังนั้น สิ่งที่ภาครัฐต้องทำอย่างเร่งด่วน และเป็นข้อเสนอของพันธมิตรผู้เลี้ยงกุ้งไทย ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของ 19 องค์กรเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ที่มีมติร่วมกันในการยื่นข้อเสนอต่อกระทรวงเกษตรฯ และเป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้รับการตอบรับจากกระทรวงฯ โดยได้มีการประกาศยกระดับเรื่องการแก้ปัญหากุ้งทะเลเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งหวังว่าจะเห็นผลการดำเนินมาตรการที่เป็นรูปธรรม
โดยพันธมิตรผู้เลี้ยงกุ้งไทยเสนองบประมาณสำหรับการแก้ปัญหาอุตสาหกรรมกุ้ง 2,000 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาเรื่องโรคกุ้งภายใน3ปี เพื่อหยุดความเสียหายประมาณ 600,000 ล้านบาท ตลอดสิบปีที่ผ่านมา เพื่อเอา 50,000 ล้านบาทกลับมา
“สิ่งที่เกษตรกรเรียกร้อง และรัฐบาลต้องช่วยเหลือเพราะวันนี้เกินกำลังของพวกเราแล้วคือ การแก้ปัญหาเรื่องโรคให้ได้ โดยรัฐต้องมีมาตรการในการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม เพื่อแก้ปัญหาโรคให้ได้ภายใน 3 ปี ซึ่งหากรัฐบาลทำเรื่องนี้สำเร็จ เกษตรกรจะสามารถบรรลุเป้าหมายผลผลิต 400,000 ตัน ซึ่งเป็นผลผลิตคุณภาพสูง เป็นที่ต้องการของผู้บริโภค และเป็นอุตสาหกรรมการเกษตรหลักสำคัญที่ทำรายได้กลับคืนมาให้กับประเทศได้อีกครั้งอย่างแน่นอน ”
เกษตรกรชะลอการเลี้ยงหลบโรค
นายบรรจง นิสภวาณิชย์ ที่ปรึกษาสมาคม และประธานสมาพันธ์การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย กล่าวถึงสถานการณ์การเลี้ยงกุ้งภาคตะวันออกคาดการณ์ผลผลิตประมาณ 53,900 ตัน คิดเป็น 20% ของผลผลิตรวมทั้งประเทศ ลดลงจากปีที่แล้ว 20% เนื่องจากเกษตรกรปล่อยกุ้งลดลง และชะลอการลงกุ้ง ปัญหาโรคระบาด EHP ตัวแดงดวงขาว และโรคตายด่วน อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายปีเกษตรกรเริ่มลงกุ้งต่อเนื่องเพราะราคาจูงใจ
สำหรับสถานการณ์การเลี้ยงกุ้งภาคกลางผลผลิตประมาณ 26,900 ตัน คิดเป็น 10% ของผลผลิตรวมทั้งประเทศ ลดลง 19% ช่วงไตรมาสแรกการเลี้ยงดี แต่ไตรมาสที่สองและสาม ประสบปัญหาโรคขี้ขาว และสภาพอากาศร้อนจัด ส่งผลให้อัตรารอดต่ำ ลูกกุ้งไม่เพียงพอ ราคากุ้งค่อนข้างดี โดยเฉพาะตลาดในประเทศ ส่งผลให้เกษตรกรมีการเตรียมตบ่อเพื่อลงกุ้งมากขึ้น
เกษตรกรปรับตัวรับโรคระบาด
นายปกครอง เกิดสุข อุปนายกสมาคมกุ้งไทย และประธานที่ปรึกษาชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดกระบี่ กล่าวว่าสถานการณ์การเลี้ยงกุ้งภาคใต้ตอนล่างฝั่งอันดามัน คาดการณ์ผลผลิตประมาณ 61,100 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 7% โดยมีความเสียหายจากโรคตัวแดงดวงขาวในช่วงเปลี่ยนฤดู และปัญหาเชื้อโรคปนเปื้อนในแหล่งน้ำธรรมชาติ เกษตรกรมีการวางแผนการเลี้ยงโดยลดความหนาแน่น เพื่อลดความเสี่ยงการเลี้ยงช่วงปลายปี บางส่วนเปลี่ยนไปเลี้ยงกุ้งกุลาดำ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องโรค
นายปรีชา สุขเกษม อุปนายกสมาคมกุ้งไทย กล่าวถึงผลผลิตกุ้งภาคใต้ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย ปริมาณ 28,400 ตัน คิดเป็น 10% ของผลผลิตรวมทั้งประเทศ ลดลง 2% ปัญหาหลักคือ ปัญหาโรคระบาด โดยเฉพาะขี้ขาว และ EHP ทำให้เกษตรกรต้องจับกุ้งก่อนกำหนด และสภาพอากาศแปรปรวนส่งผลให้การเลี้ยงกุ้งยากขึ้น เกษตรกรต้องปรับตัวโดยการพักบ่อนานขึ้น ลดความหนาแน่นในการเลี้ยงกุ้งเพื่อลดความเสี่ยง