'เอกนัฏ' ปลื้ม 'ไทย-จีน มณฑลอานฮุย' MOU ปักหมุดลงทุนเพิ่มในนิคมอุตสาหกรรม
“เอกนัฏ” เป็นประธาน MOUระหว่าง "ไทย-จีน มณฑลอานฮุย" ปักหมุดลงทุนเพิ่มในนิคมอุตสาหกรรม หนุนประเทศไทยสูาอุตสาหกรรมเป้าหมาย
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) โครงการความร่วมมือไทย-จีน "Two Countries, Twin Parks" ระหว่าง กรมพาณิชย์ มณฑลอานฮุย สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายหยาง เปิ่นชิง รองอธิบดีกรมพาณิชย์ มณฑลอานฮุย กับ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) โดยนายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ กนอ. รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ.
นายเอกนัฏ กล่าวว่า ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติเศรษฐกิจทั้งสองประเทศมีความร่วมมือในการส่งเสริมและสนับสนุนซึ่งกันและกัน เช่น การผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันมีนักลงทุนจีนเข้ามาตั้งโรงงานผลิตในนิคมอุตสาหกรรมของไทยแล้ว แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ ในการส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือทวิภาคี
การลงนาม MOU "Two Countries, Twin Parks" จึงเกิดขึ้นโดยมุ่งหวังสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมรูปแบบใหม่ ส่งเสริมการค้าการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม พัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนและการค้าสองทาง ร่วมมือวิจัยพัฒนาและผลิตในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (เช่น พลังงานใหม่, วัตถุดิบใหม่, อาหารปลอดภัย) เปิดระเบียงการค้าระหว่างประเทศ โดยพร้อมอำนวยความสะดวกทางศุลกากร
"ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะยังคงเป็นเป้าหมายสำคัญของนักลงทุนจีน และหลังจากนี้จะมีโครงการต่างๆ เกิดขึ้นตามมาอีกมากมาย" นายเอกนัฏ กล่า
นายหลัว กวงหย่ง เลขาธิการรัฐบาลมณฑลอานฮุย กล่าวชื่นชมสภาพภูมิอากาศและศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทย พร้อมย้ำความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ โดยระบุว่า การลงนามฯครั้งนี้ ครอบคลุมความร่วมมือด้านต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองในหัวข้อความร่วมมือทวิภาคี การพัฒนาเศรษฐกิจ และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
โดยมุ่งเน้นส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนในด้านต่างๆ เช่น การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การศึกษา และการเกษตร รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพเส้นทางคมนาคมระหว่างอานฮุยและไทย เพื่อสร้างเงื่อนไขที่ดีต่อความร่วมมือด้านวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ นอกจากนี้ นายหลัว กวงหย่ง ยังได้เชิญชวนชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวเมืองหวงซาน มณฑลอานฮุย เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์อานฮุย - ไทย
นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ กนอ. รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. กล่าวเสริมว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) โครงการความร่วมมือไทย-จีน "Two Countries, Twin Parks" ในครั้งนี้ เป็นการสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างไทย-จีน ภายใต้โครงการ Belt and Road Initiatives:BRI หรือ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" โดยมุ่งเน้นสร้างแพลตฟอร์มการลงทุน การค้า และการให้บริการ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน
"กนอ. มั่นใจว่า MOU ฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการชักจูงนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมของไทยเพิ่มขึ้น โดย กนอ. และรัฐบาลมณฑลอานฮุย จะร่วมมือกันภายใต้หลักการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อผลักดันโครงการ "Two Countries, Twin Parks" ให้ประสบความสำเร็จ" นายสุเมธ กล่าว
สำหรับพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจภายใต้โครงการความร่วมมือไทย-จีน “Two Countries, Twin Parks” จัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ณ กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างรัฐบาลมณฑลอานฮุย สาธารณรัฐประชาชนจีน และ กนอ. มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างจีนและไทยในรูปแบบใหม่ สร้างแพลตฟอร์มการลงทุนและการค้าสองทางที่มีประสิทธิภาพ เสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า
โดยขอบเขตความร่วมมือ คือ การส่งเสริมและสนับสนุนการค้าและการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม สร้างความร่วมมือระหว่างสองประเทศในภาคอุตสาหกรรม ส่งเสริมการลงทุน และแลกเปลี่ยนบุคลากร ร่วมมือด้านพลังงานใหม่ วัตถุดิบใหม่ การอนุรักษ์พลังงาน การผลิตเครื่องจักรระดับสูง การผลิตอาหารปลอดสารพิษ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน ส่งเสริมการแบ่งปันแรงงานในห่วงโซ่อุตสาหกรรม เน้นการวิจัยและพัฒนา การผลิต การค้า และโลจิสติกส์ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ผลักดันการเปิดระเบียงการค้าระหว่างประเทศที่สำคัญ พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกในพิธีการทางศุลกากร
และเพื่อให้การดำเนินงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุดทั้งสองฝ่ายยังวมีนโยบายสนับสนุนและกลไกทำงาน ประกอบด้วย จัดตั้งคณะทำงานเพื่อสนับสนุนการเริ่มต้นและการพัฒนาโครงการ ส่งเสริมรูปแบบความร่วมมือของสวนให้เป็นแพลตฟอร์มใหม่สำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า ประชาสัมพันธ์และส่งเสริมสวนให้แก่กลุ่มเศรษฐกิจและองค์กรธุรกิจของทั้งสองประเทศ รวมทั้งการเชิญชวนให้มีการลงทุนในสวนของแต่ละฝ่าย โดยบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ มีผลบังคับ 3 ปี นับแต่วันที่ลงนาม