'เอกนัฏ' คุมเข้มเหล็กเคลือบสี บังคับใช้ปี 68 ตามนโยบาย Save อุตสาหกรรมไทย

'เอกนัฏ' คุมเข้มเหล็กเคลือบสี บังคับใช้ปี 68 ตามนโยบาย Save อุตสาหกรรมไทย

“เหล็กเคลือบสี” โดนแล้ว! “เอกนัฏ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมสั่ง สมอ. คุมเข้ม มีผลบังคับใช้ปี 68 ตามนโยบาย Save อุตสาหกรรมไทย

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้าปราบปรามสินค้าไม่ได้มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับข้อร้องเรียนจากผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าด้อยคุณภาพ ไม่มีมาตรฐาน โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เช่น เหล็ก สายไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ หากไม่มีมาตรฐานอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้

ทั้งนี้ ได้ส่งทีมสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนกันยายน - ธันวาคม 2567 ได้ยึดอายัดเหล็กไม่ได้มาตรฐานแล้ว มูลค่ากว่า 287 ล้านบาท และจะปูพรมตรวจทุกพื้นที่อย่างเข้มข้น จึงขอเตือนผู้ที่ลักลอบผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ทั้งทางออนไลน์ และร้านจำหน่ายทั่วไป หากพบว่ากระทำผิดจริงจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด ไม่มีการปล่อยผ่าน และไม่มีการเจรจาใด ๆ ทั้งสิ้น

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลคุณภาพมาตรฐานของสินค้า ให้เข้มงวดในการตรวจควบคุมการผลิตและนำเข้าสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐาน รวมทั้ง ยกระดับการคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ประชาชน โดยเพิ่มจำนวนสินค้าที่ส่งผลกระทบกับความปลอดภัยของประชาชนให้เป็นสินค้าควบคุมมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการผลิตและนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศ และให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันสำหรับผู้ประกอบการในประเทศ ล่าสุด เตรียมประกาศให้เหล็กกล้าเคลือบสี 2 ชนิด ได้แก่ เหล็กกล้าเคลือบสังกะสี หรือ “เหล็ก PPGI” และ เหล็กกล้าเคลือบอะลูมิเนียมผสมสังกะสี หรือ “เหล็ก PPGL” เป็นสินค้าควบคุม คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในปี 2568 นายเอกนัฏ กล่าว 

\'เอกนัฏ\' คุมเข้มเหล็กเคลือบสี บังคับใช้ปี 68 ตามนโยบาย Save อุตสาหกรรมไทย

นายบรรจง สุกรีฑา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ว่า หลังจากที่ กมอ. ได้มีมติเห็นชอบให้เหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนและเคลือบสี มอก.2131-25XX และ เหล็กกล้าทรงแบนเคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนและเคลือบสี มอก.2753-25XX เป็นสินค้าควบคุม

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา สมอ. ได้เวียนร่างมาตรฐานเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมทั้งผู้มีส่วนได้เสียจากการบังคับใช้มาตรฐาน ผลดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ผู้ประกอบการ และเศรษฐกิจของประเทศ พบว่า ส่วนใหญ่เห็นชอบให้เหล็กทั้ง 2 ชนิด เป็นสินค้าควบคุม กมอ. จึงมีมติยืนตามความเห็น และให้ สมอ. เร่งดำเนินการให้เหล็กดังกล่าวเป็นสินค้าควบคุมโดยเร็ว

นอกจากนี้ บอร์ดยังมีมติเห็นชอบร่างมาตรฐานที่ สมอ. เสนอ รวมจำนวน 33 มาตรฐาน เช่น โครงคร่าวเหล็กกล้าสำหรับยึดแผ่นฝ้าและแผ่นผนัง หม้อแปลงไฟฟ้า พาวเวอร์แบงค์ และมาตรฐานวิธีทดสอบต่าง ๆ เป็นต้น

\'เอกนัฏ\' คุมเข้มเหล็กเคลือบสี บังคับใช้ปี 68 ตามนโยบาย Save อุตสาหกรรมไทย

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า สมอ. ได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคซึ่งได้รับผลกระทบจากการใช้ผลิตภัณฑ์แผ่นเหล็กมุงหลังคาที่ผลิตจากเหล็ก PPGI และ เหล็ก PPGL คุณภาพต่ำ ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้มีอายุการใช้งานสั้น เกิดสนิมเร็ว ขณะเดียวกันผู้ประกอบการเหล็กในประเทศ ทั้งผู้ทำ และผู้นำเข้า ต่างประสบปัญหากับคุณภาพสินค้าเหล็กดังกล่าว

โดยมีการนำเข้าสินค้าคุณภาพต่ำเข้ามาจำหน่าย มีการแสดงรายละเอียดชั้นเคลือบสินค้าไม่ตรงตามความเป็นจริง ทำให้เหล็กเกิดสนิมภายในระยะเวลาการใช้งานไม่นาน ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องที่นำเหล็กดังกล่าวไปใช้ เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น สมอ. จึงเสนอบอร์ดให้ควบคุมเหล็กทั้ง 2 ชนิด

ซึ่งเดิมเป็นมาตรฐานทั่วไป ให้เป็นมาตรฐานบังคับ โดยเหล็กกล้าเคลือบสีที่ได้มาตรฐาน มอก. นั้น จะผ่านการทดสอบความเข็งแรง ทนต่อการกัดกร่อน ไม่เป็นสนิมง่าย คงทนต่อสภาพอากาศ มีอายุการใช้งานยาวนาน และมีสีสันสวยงาม โดยหลังจากที่บอร์ดมีมติเห็นชอบ สมอ. จะเร่งดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย เพื่อประกาศให้เหล็ก PPGI และ PPGL เป็นสินค้าควบคุมโดยเร็ว โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในปี 2568”