ครม.เคาะกรอบงบฯ69 3.78 ล้านล้าน ขาดดุล 8.6 แสนล้าน เก็บรายได้เพิ่ม 3 หมื่นล้าน

ครม.เคาะกรอบงบฯ69  3.78 ล้านล้าน  ขาดดุล 8.6 แสนล้าน เก็บรายได้เพิ่ม 3 หมื่นล้าน

รัฐบาลเคาะกรอบงบฯ 69 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ขาดดุล 8.6 แสนล้านบาท “จุลพันธ์” ชี้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หวังเห็น ธปท.ทำเงินเฟ้อเข้ากรอบและใกล้เคียงระดับ 2% และดูอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในระดับเหมาะสม

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง  เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ขาดดุลงบประมาณ 8.6 แสนล้านบาท

นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังกล่าวว่า กรอบงบประมาณปี 2569 ที่ ครม.เห็นชอบเป็นไปตามที่ที่ประชุม 4 หน่วยงานเศรษฐกิจ ได้แก่ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงบประมาณ และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เห็นชอบ

ทั้งนี้ ในกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2569 วงเงินรวม 3.78 ล้านล้านบาท มีการการขาดดุลงบประมาณลดลง 5 พันล้านบาท กรอบงบประมาณรวมเพิ่มขึ้น 2.7 หมื่นล้านบาท และจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 3 หมื่นล้านบาท

             

โดยการขาดดุลงบประมาณที่อยู่ในระดับสูงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสิ่งจำเป็นที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้า ทั้งนี้ขั้นตอนกระบวนการที่จะตั้งงบประมาณต้องดูวินัยการคลัง ต้องดูสัดส่วนตามที่กฎหมาย พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังกำหนด กรอบการขาดดุลต่างๆนั้นเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด โดยขั้นตอนต่อไปก็ต้องมีการดูในเรื่องของงบประมาณที่เสนอเข้ามาและจัดสรรงบประมาณตามความเหมาะสมต่อไป

ทั้งนี้หน่วยงานเศรษฐกิจต่างมองว่าระดับของงบประมาณนี้เหมาะสมกับการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไป ซึ่งหลังจากนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนและกระบวนการตามกฎหมายต่อไป

 

ทั้งนี้ ทางกระทรวงการคลังจะต้องดูการจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย สำนักงบประมาณต้องดูในเรื่องของการใช้จ่าย และ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ต้องมีหน้าที่ไปดูเงินเฟ้อให้ได้ตามกรอบเป้าหมาย 1-3 % และให้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างรมว.คลังกับผู้ว่า ธปท.ที่จะทำให้เงินเฟ้อเข้าใกล้ 2% ตามที่ตกลงไว้ โดยเรื่องนี้ต้องให้เวลาที่ ธปท.จะทำให้เงินเฟ้อเข้ากรอบและค่ากลางที่ 2%

นอกจากนั้นในข้อตกลงระหว่างกระทรวงการคลังและ ธปท.ยังมีการกำหนดด้วยว่า ธปท.จะต้องดูแลให้อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในระดับเหมาะสมที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันระหว่างคู่ค้าและคู่แข่ง