ราคาทองปรับขึ้นหลังข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนอ่อนแอเกินคาด

รอยเตอร์ส รายงานว่า "ราคาทองคำ"ปรับสูงขึ้นในวันพุธ (8 ม.ค.) โดยแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 สัปดาห์ หลังจากรายงานการจ้างงานภาคเอกชนประจำเดือนธันวาคมที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้ ทำให้นักลงทุนบางส่วนในตลาดรู้สึกอุ่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจระมัดระวังน้อยลงในการผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold)ปรับขึ้น 0.3% สู่ระดับ 2,657.38 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ 14.15 น.ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐ และแตะระดับสูงสุดตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม ส่วนราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐ (Gold Futures) เพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับ 2,672.40 ดอลลาร์

การจ้างงานภาคเอกชนที่ลดลง “มีส่วนทำให้ราคาทองคำขยับขึ้น เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตัวเลขการจ้างงานที่ลดลงบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอ่อนแอกว่าที่หลายคนคาดไว้” บาร์ต เมเล็ก หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ที่ TD Securities กล่าว

รายงานการจ้างงานระดับชาติของ ADP ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีการจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 122,000 ตำแหน่งในเดือนที่แล้ว เมื่อเทียบกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 140,000 ตำแหน่ง

ขณะที่ รายงานของกระทรวงแรงงานระบุว่าจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานอยู่ที่ 201,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 218,000 ราย

“ปัจจัยที่มีความสำคัญมากกว่าคือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์ ซึ่งตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 163,000 ราย หากตัวเลขสูงกว่านี้มากจะส่งผลลบต่อราคาทองคำ” เมเล็กกล่าว

ตลาดจับตารายงานการประชุมของเฟดในเดือนธันวาคม และรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์

“ฉันไม่คิดว่ารายงานการประชุมในวันนี้จะมีผลกระทบมากนัก เนื่องจากมีความไม่แน่นอนในนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ และเมื่อเดือนที่แล้วก็มีสัญญาณชัดเจนว่าเฟดได้เข้าสู่ช่วงผ่อนปรนมากขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว” ไท หว่อง ผู้ค้าโลหะอิสระกล่าว

นักลงทุนกังวลนโยบายภาษีของทรัมป์ อาจกระตุ้นให้เงินเฟ้อของสหรัฐกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งจะจำกัดความสามารถของเฟดในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และส่งผลให้ทองคำถูกกดดัน

อย่างไรก็ตาม คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟด กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อน่าจะยังคงลดลงในปี 2025 และทำให้ธนาคารกลางลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปได้ แม้ว่าจะยังไม่แน่นอนก็ตาม

ทองคำแท่งถือเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ แต่อัตราดอกเบี้ยที่สูงทำให้สินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยนี้ลดความน่าดึงดูดใจลง

ด้านราคาโลหะเงินตลาดสปอตเพิ่มขึ้น 0.7% อยู่ที่ 30.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แพลตตินัมลดลง 0.2% อยู่ที่ 948.58 ดอลลาร์ แพลเลเดียมลดลง 0.9% อยู่ที่ 917.65 ดอลลาร์