‘เศรษฐพุฒิ’ จ่อนั่งรักษาการประธาน ‘ธปท.’ ป้องกันสุญญากาศ ‘บอร์ดแบงก์ชาติ’
บอร์ดแบงก์ชาติไม่เกิดสุญญากาศหลังประธานคนปัจจุบัน ปรเมธี วิมลศิริ จ่อสิ้นสุดรักษาการช่วงกลางเดือน ม.ค.นี้ ข้อกฎหมายให้บอร์ดประชุมต่อได้หากเหลือองค์ประกอบไม่น้อยกว่า 7 คน "เศรษฐพุฒิ" ในฐานะรองประธานขยับรักษาการประธานแทน ส่วนการประเมินผลงานมีกรรมการแยกการประเมินได้
KEY
POINTS
- บอร์ดแบงก์ชาติไม่เกิดสุญญากาศหลังประธานคนปัจจุบันปรเมธี วิมลศิริ จ่อสิ้นสุดรักษาการช่วงกลางเดือนม.ค.นี้
- ข้อกฎหมาย พ.ร.บ.แบงก์ชาติ ให้บอร์ดประชุมต่อได้หากเหลือองค์ประกอบไม่น้อยกว่า 7 คน
- "เศรษฐพุฒิ" ในฐานะรองประธานขยับรักษาการประธานแทน
- ส่วนการประเมินผลงานผู้ว่า ธปท.ให้มีกรรมการแยกอีกชุดออกมาประเมินได้
การสรรหาประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (บอร์ด ธปท.) ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าใครจะมานั่งประธานบอร์ด ธปท.คนใหม่ หลังจากที่ชื่อของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ถูกที่ประชุมคณะกรรมการกฤษฎีการ่วม 3 คณะตีตกคุณสมบัติ เนื่องจากมีพฤติกรรมดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ทั้งนี้ ขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องเข้าสู่ขั้นตอนการเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมจะดำรงตำแหน่งประธานบอร์ด ธปท.เพื่อให้คณะกรรมการสรรหาฯ ที่มีนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ซึ่งตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศ พ.ศ.2485 ระบุว่าให้ปลัดกระทรวงการคลัง และผู้ว่าฯ ธปท.เป็นผู้เสนอรายชื่อ ตามมาตรา 28/5 ที่ระบุว่าให้ผู้ว่าการ และปลัดกระทรวงการคลัง พิจารณาเสนอรายชื่อบุคคลซึ่งมีสัญชาติไทย และไม่มีลักษณะต้องห้าม และมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์สำหรับการดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการ ธปท. ต่อคณะกรรมการคัดเลือก เพื่อพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน คณะกรรมการ ธปท. แล้วแต่กรณี
โดยให้ผู้ว่าการเสนอเป็นจำนวนไม่เกินสองเท่า และปลัดกระทรวงการคลัง เสนอเป็นจำนวนไม่เกินหนึ่งเท่าของจำนวนกรรมการที่จะได้รับแต่งตั้งตามลำดับ
โดยก่อนหน้านี้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ระบุว่า ต้องใช้ระยะเวลาอีกสักพักในการเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมของกระทรวงการคลัง โดยจะต้องดูคุณสมบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย และต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าตัวที่จะมาลงสมัครรับตำแหน่งด้วย
ทั้งนี้ ขั้นตอนการสรรหาที่ต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติหลายขั้นตอน ประกอบกับระยะเวลาที่นายปรเมธี วิมลศิริ ประธานบอร์ด ธปท.คนปัจจุบันหมดวาระลง และการรักษาการทำได้เพียง 120 วัน ซึ่งจะสิ้นสุดภายในวันที่ 16 ม.ค.2568 นี้ จึงมีคำถามว่าการทำงานในบอร์ด ธปท.จะเกิดสุญญากาศหรือไม่ เนื่องจากไม่มีประธานที่จะทำหน้าที่ในการประชุม
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่าในการทำงานของบอร์ด ธปท.หลังจากที่นายปรเมธี สิ้นสุดระยะเวลาในการรักษาการในตำแหน่งประธานบอร์ด ธปท.จะไม่เกิดภาวะสุญญากาศ เนื่องจากสามารถที่จะให้รองประธานบอร์ด ธปท.ขึ้นมาทำหน้าที่ประธานแทนได้ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.ธปท.ปี 2485 ที่ระบุไว้ในหมวดที่ 4 ว่าด้วย “คณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย”
บอร์ดประชุมได้หากมีองค์ประกอบไม่น้อยกว่า 7 คน
ตามมาตรา 28 ในพ.ร.บ.ธปท.ที่ระบุว่าในกรณีที่ประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้รัฐมนตรีดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 28/1 หากยังมิได้มีการแต่งตั้งประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่ ให้กรรมการในคณะกรรมการ ธปท. เท่าที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ เว้นแต่มีกรรมการเหลืออยู่ไม่ถึง 7 คน
นอกจากนี้ใน พ.ร.บ.ธปท.มาตรา 21 ระบุว่าการประชุมคณะกรรมการ ธปท.ตามมาตรา 17 ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม
รองประธานเลื่อนเป็นรักษาการประธานบอร์ด
โดยในการประชุมคณะกรรมการ ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้ามีรองประธานมากกว่าหนึ่งคน ให้รองประธานที่มีอาวุโสสูงสุดในที่ประชุมประธานในที่ประชุม แต่ถ้าทั้งประธานกรรมการ และรองประธานกรรมการไม่มาประชุม ให้เลื่อนการประชุมออกไปก่อน
"เศรษฐพุฒิ" จ่อรักษาการประธานบอร์ด ธปท.
จากข้อกฎหมายดังกล่าวเมื่อดูองค์ประกอบของคณะกรรมการ ธปท.ชุดปัจจุบันพบว่ามีนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท.เป็นรองประธานคณะกรรมการเพียงคนเดียว ดังนั้นภายหลังจากการสิ้นสุดการรักษาการในตำแหน่งของนายปรเมธี จึงเท่ากับว่านายเศรษฐพุฒิจะขึ้นมารักษาการในตำแหน่งประธานบอร์ด ธปท.ตามที่กฎหมายกำหนด
แหล่งข่าวระบุว่าสำหรับวาระการประชุมที่สำคัญที่จะต้องเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ด ธปท.ในช่วงนี้ยังไม่มี จะมีวาระสำคัญในช่วงเดือนมี.ค.2568 เกี่ยวกับการวางยุทธศาสตร์ และแผนการดำเนินงานของ ธปท.ในระยะต่อไป ส่วนในเรื่องการประเมินผลงานของผู้ว่าฯ ธปท.ที่เป็นหน้าที่ของประธานบอร์ด ธปท.ที่จะต้องประเมิน ในเรื่องนี้นายเศรษฐพุฒิในฐานะรักษาการประธานบอร์ด ธปท.สามารถที่จะเลี่ยงในการไม่ประเมินตัวเองได้ โดยแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาประเมินผลงานของตนเองในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการพูดคุยกันในบอร์ด ธปท.เบื้องต้นแล้ว
“จากข้อกฎหมายที่มีอยู่ และมีการหารือในแนวทางการทำงานแล้ว มองว่าในช่วงเวลาที่ยังไม่มีประธานบอร์ด ธปท.คนใหม่ ก็จะไม่เกิดสุญญากาศในการทำงานของบอร์ด ธปท.แต่อย่างไร เนื่องจากผู้ว่าฯ ธปท.ในฐานะรองประธานสามารถทำหน้าที่แทนในส่วนนี้ได้” แหล่งข่าวระบุ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์