ราคาน้ำมันดิบพุ่ง สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลด หลังคว่ำบาตรรัสเซีย

รอยเตอร์สรายงานตลาดน้ำมันดิบโลกวันพุธ (15 ม.ค.) ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สัญญาล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 2.07 ดอลลาร์ หรือ 2.59% สู่ระดับ 81.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 14.12 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียตของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.47 ดอลลาร์ หรือ 3.19% สู่ระดับ 79.97 ดอลลาร์

ปริมาณน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐลดลงในสัปดาห์ที่แล้วสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2022 เนื่องจากการส่งออกเพิ่มขึ้นและการนำเข้าลดลง ตามข้อมูลของสำนักงานสารสนเทศพลังงานของสหรัฐ น้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้

“การลดลงดังกล่าวส่วนใหญ่เกิดจากพลวัตของการนำเข้าและส่งออก” บ็อบ ยาวเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายตลาดพลังงานล่วงหน้าของ Mizuho กล่าว “การส่งออกนั้นยากที่จะเชื่อ” เขากล่าวเสริม โดยชี้ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงที่ว่า การซื้อหลายรายการถูกจองไว้ก่อนการประกาศคว่ำบาตร

องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA )ระบุในรายงาน ตลาดน้ำมันรายเดือนว่า การคว่ำบาตรรอบล่าสุดของสหรัฐต่อการส่งออกน้ำมันรัสเซียอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานและการกระจายน้ำมันของรัสเซียอย่างมาก 

ด้านโอเล แฮนเซน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของธนาคาร Saxo กล่าวว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ดูเหมือนจะช่วยหนุนราคา “เรือบรรทุกน้ำมันที่บรรทุกน้ำมันดิบของรัสเซียดูเหมือนจะดิ้นรนในการขนถ่ายสินค้าไปทั่วโลก ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะน้ำมันตึงตัวในระยะสั้น” เขากล่าวเสริม

ราคาขาขึ้นถูกรั้งโดยสถานการณ์ใหญ่ในตะวันออกกลาง อิสราเอลและฮามาสบรรลุข้อตกลงยุติการสู้รบในฉนวนกาซาและแลกเปลี่ยนตัวประกันชาวอิสราเอลกับเชลยศึกชาวปาเลสไตน์ ตามคำกล่าวของเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ซึ่งเปิดทางไปสู่การยุติสงครามที่ดำเนินมายาวนาน 15 เดือน การหยุดยิงคาดว่าจะพลิกโฉมตะวันออกกลางได้

 

ในขณะเดียวกัน โอเปกคาดว่าอุปสงค์น้ำมันโลกจะเพิ่มขึ้น 1.43 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2026 โดยรักษาอัตราการเติบโตที่ใกล้เคียงกับปี 2025 กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันกล่าว

 

การคาดการณ์สำหรับปี 2026 สอดคล้องกับมุมมองของโอเปกที่ว่าอุปสงค์น้ำมันจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปในอีกสองทศวรรษข้างหน้า ซึ่งตรงกันข้ามกับ IEA ที่คาดว่าอุปสงค์จะถึงจุดสูงสุดในทศวรรษนี้ เนื่องจากโลกกำลังเปลี่ยนไปสู่การใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น

ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากที่ข้อมูลของสหรัฐ แสดงให้เห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเหนือความคาดหมายในเดือนธันวาคม ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก

ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงช่วยพยุงราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงสามารถกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและความต้องการน้ำมัน