จีนตีตลาดส่งออกยานยนต์ไทย ม.ค.ต่ำสุดรอบ 33 เดือน ยอดผลิตหดตัว 24%

จีนตีตลาดส่งออกยานยนต์ไทย ม.ค.ต่ำสุดรอบ 33 เดือน ยอดผลิตหดตัว 24%

ยอดผลิตรถยนต์ม.ค.68 ลดลง 24.63% จีนตีตลาดส่งออกทรุดต่ำสุดรอบ 33 เดือน แนะรัฐเร่งออกมาตรการช่วยเหลือค้ำประกันการปล่อยสินเชื่อซื้อรถกระบะจาก 4 เดือนเป็น 2 เดือนเพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมผลิตมากขึ้น หนุนจ้างงานดันเศรษฐกิจขยายตัว

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การผลิตรถยนต์ทั้งหมดเดือนม.ค.2568 ทั้งสิ้น 107,103 คัน ลดลงจากเดือนม.ค.2567 ที่ 24.63% เพราะผลิตขายในประเทศลดลง 31.78% ตามยอดขายที่ลดลง และผลิตส่งออกลดลง 21.10% ตามยอดส่งออกที่ลดลง 

ส่วนการผลิตเพื่อส่งออกเดือนม.ค.2568 ผลิตได้ 75,044 คัน เท่ากับ 70.07% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม 2567 ที่ 21.10%

ในขณะที่ การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเดือนม.ค.2568 ผลิตได้ 32,059 คัน เท่ากับ 29.93% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนม.ค. 2567 ที่ 31.78%

ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนม.ค.2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 48,092 คัน ลดลงจากเดือนม.ค.2567 ที่ 12.26% เพราะสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนสูง และเศรษฐกิจในประเทศปี 2567 ขยายตัวในอัตราต่ำที่ 2.5% ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงลดลงโดยเฉพาะผลผลิตยานยนต์ที่มีอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากลดลง แรงงานจำนวนมากมีรายได้ลดลง ทำให้ใช้จ่ายลดลง ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราต่ำ 

การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือนม.ค.2568 ส่งออกได้ 62,321 คัน ลดลงจากเดือนม.ค.2567 ที่ 28.13% ต่ำสุดในรอบ 33 เดือน จากความกังวลเรื่องสงครามการค้าที่สหรัฐอเมริกาขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ จึงต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีการตอบโต้มากน้อยเพียงใด 

รวมทั้งการส่งออกของรถยนต์ไฟฟ้าจีนราคาถูกมาแข่งขันมากขึ้นในประเทศคู่ค้า และรถยนต์ส่งออกบางรุ่นกำลังจะเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ และจากเดือนธ.ค. มีวันหยุดมาก บางบริษัทเปิดทำการช้าในเดือนม.ค. จึงผลิตได้น้อย ทำให้เดือนมกราคม มีรถส่งออกได้น้อยตลาดออสเตรเลียตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกากลาง และอเมริกาใต้

เดือนม.ค.2568 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 68,069.18 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ที่ 20.63% 

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนม.ค.2568 จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 14,711 คัน ลดลงจากเดือนม.ค.ปีที่แล้ว 7.73% ส่วนยอดจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 31 ม.ค.2568 จดทะเบียนสะสมทั้งสิ้น 242,076 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 63.85% 

ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ที่ลดลงจาก เพราะสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนสูง และเศรษฐกิจในประเทศปี 2567 ขยายตัวในอัตราต่ำที่ 2.5% ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงลดลงโดยเฉพาะผลผลิตยานยนต์ที่มีอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากลดลง แรงงานจำนวนมากมีรายได้ลดลง ทำให้ใช้จ่ายลดลง ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราต่ำ 

"ขอให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการช่วยเหลือค้ำประกันการปล่อยสินเชื่อซื้อรถกระบะให้เร็วขึ้นจากสี่เดือนเป็นสองเดือนเพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมผลิตมากขึ้น จ้างงานมากขึ้น ใช้จ่ายมากขึ้น เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราสูงขึ้นซึ่งจะสร้างบรรยากาศการลงทุนให้เร็วขึ้นตามความประสงค์ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี" 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์