Entertainment ปลุกเศรษฐกิจ ดึงลงทุนแสนล้าน - บูมรายได้ท่องเที่ยว

Entertainment ปลุกเศรษฐกิจ ดึงลงทุนแสนล้าน - บูมรายได้ท่องเที่ยว

“จุลพันธ์” มั่นใจเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ตัวเปลี่ยนเกมเศรษฐกิจไทย เร่งดันร่าง พ.ร.บ.เข้าสภาฯ ชี้ นายกฯ คุมบอร์ดนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร  คุมทุนสีเทาได้

KEY

POINTS

  • “จุลพันธ์” มั่นใจเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ตัวเปลี่ยนเกมเศรษฐกิจ

วานนี้ (19 มี.ค.68) “กรุงเทพธุรกิจ” จัดเสวนาโต๊ะกลมหัวข้อ Entertainment Complex Game Changer for Thailand โดยมีผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน และนักวิชาการ มาร่วมนำเสนอความเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร 

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลขับเคลื่อนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ... โดยผ่านการศึกษาของคณะทำงานของสภาผู้แทนราษฎรมา 2 ปี และได้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อปรับปรุงให้สมบูรณ์ร่วมกับคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อให้รัดกุมมากขึ้น โดยอยู่ขั้นการนำร่างกฎหมายเสนอ ครม.อีกครั้ง

รวมทั้งหลังจากนั้นจะเสนอสภาผู้แทนราษฎรวาระที่ 1 เพื่อตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยรัฐบาลพร้อมรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนเพื่อให้กฎหมายสมบูรณ์ที่สุด

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ช่วง 30 ปี ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยเติบโตลดลงเหลือเฉลี่ย 2% ซึ่งรัฐบาลเห็นว่าการเติบโตของเศรษฐกิจระดับนี้ไม่เพียงพอ เพราะทุกคนจะลำบาก และรัฐบาลต้องหาเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ ซึ่งได้ผลักดันนโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพื่อเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ที่จะมีผลขับเคลื่อนเศรษฐกิจเหมือนต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ดูไบ สหรัฐและญี่ปุ่น 

Entertainment ปลุกเศรษฐกิจ ดึงลงทุนแสนล้าน - บูมรายได้ท่องเที่ยว

ทั้งนี้ แนวทางของนโยบายตรงกับที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาถึงการสร้างสถานที่ประเภท Man made destination โดยรูปแบบที่วางไว้ไม่ได้เป็นโมเดลเหมือนบางประเทศในอาเซียนที่มีแค่ตึกที่เป็นกาสิโนซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จ

ส่วนไทยได้ยกร่างกฎหมายให้สร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งมีกาสิโนในพื้นที่ไม่เกิน 10% ของพื้นที่รวม โดยพื้นที่ที่เหลือต้องสร้างกิจการอื่นอย่างน้อย 4 ประเภท ซึ่งหวังเงินลงทุนระดับ 1 แสนล้านบาทต่อแห่ง โดยเลือกกิจการจากบัญชีแนบท้ายมาลงทุน เช่น การสร้างสวนสนุกระดับโลก สนามกีฬาขนาดใหญ่ คอนเสิร์ตฮอลล์ โรงแรมขนาดใหญ่ ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ 

รวมทั้งจะตอบโจทย์สร้างเศรษฐกิจ จ้างงาน และพัฒนาพื้นที่รองรับการท่องเที่ยวทั้งครอบครัว ซึ่งเมื่อพัฒนาพื้นที่ลักษณะนี้จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว และรายได้จากท่องเที่ยวมากขึ้น เหมือนสิงคโปร์ประสบผลสำเร็จเพิ่มรายได้ท่องเที่ยว 5-25% จากเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ส่วนไทยหวังการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวเพิ่มจาก 40,000 บาท เป็น 60,000 บาทต่อคนต่อทริป และนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น 5-10%

มั่นใจคุมทุนสีเทาเข้ามาลงทุนได้

นอกจากนี้ การกำกับดูแลตามร่าง พ.ร.บ.กำหนดให้มีคณะกรรมการ 2 ระดับ ได้แก่ คณะกรรมการนโยบาย และคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบาย โดยคณะกรรมการนโยบายมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานที่รับผิดชอบสูงสุดต้องทำให้รอบคอบโปร่งใส โดยไม่มีคอร์รัปชัน โดยการลงทุนจะไม่มีทุนสีเทาเพราะจะตรวจสอบเข้มงวด และเกณฑ์ลงทุนแห่งละ 1 แสนล้านบาท ต้องดูกลุ่มลงทุนที่ตรวจสอบได้

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ขั้นตอนกฎหมายการที่จะตัดสินใจว่าไทยจะลงทุนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หรือไม่ นอกจากพิจารณาในรัฐสภา 3 วาระ ยังต้องรอดูผลการศึกษาของคณะกรรมการที่เป็นงานแรกของคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร โดยจะประเมินความคุ้มค่าการลงทุนที่แท้จริง 

ทั้งนี้ ต้องดูว่าผลในการศึกษานั้นคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งต้องดูผลการประเมินหากไม่คุ้มค่าคงไม่ลงทุน แต่หากคุ้มค่ามั่นใจว่ากลุ่มทุนระดับโลกจะเข้ามาลงทุนในไทย และรัฐบาลพร้อมสนับสนุน

เตรียมเสนอ ครม.อีกรอบก่อนเข้าสภา

นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะเสนอ ครม.เร็วๆ นี้ หลังแก้ไข และปรับปรุงร่างกฎหมายในชั้นคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้กฎหมายรัดกุมมากขึ้น 

Entertainment ปลุกเศรษฐกิจ ดึงลงทุนแสนล้าน - บูมรายได้ท่องเที่ยว

สำหรับสาระสำคัญที่เพิ่มเข้ามา เช่น การกำหนดพื้นที่กาสิโน 10% การกำหนดเงื่อนไขคนไทยที่จะเล่นกาสิโนต้องมีเงินในบัญชีไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท การกำหนดพื้นที่ในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ให้เป็นพื้นที่ในการจัดแสดงศิลปะวัฒนธรรม 10% และการห้ามโฆษณา

ทั้งนี้ หลังจากผ่าน ครม.แล้วจะหารือปรับแก้ในชั้นคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งเป็นตัวแทนภาคประชาชนและรัฐบาลที่จะทำงานร่วมกัน เพื่อให้กฎหมายตอบโจทย์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมากที่สุด ซึ่งคาดว่าขั้นตอนการจัดทำข้อกฎหมายที่จะออกมาเป็น พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรจะแล้วเสร็จภายในปี 2568

สำหรับกลไกในการบริหาร และกำกับดูแลเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะให้อำนาจกับคณะกรรมการใน 2 ระดับ ส่วนแรกจะเป็นคณะกรรมการนโยบายซึ่งมีหน้าที่ และอำนาจในการกำหนดนโยบายของสถานบันเทิงครบวงจร การกำหนดอัตราภาษีที่จะมีการเก็บจากผู้ประกอบการ ทั้งในส่วนของการบริหารจัดการการป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานบันเทิงครบวงจร 

รวมทั้งกำหนดจำนวนใบอนุญาต และพื้นที่การประกอบสถานบันเทิงครบวงจร รวมทั้งการขออนุญาต และเลิกประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ประเภทกิจการที่อาจดำเนินการได้ในสถานบันเทิง

คุมเข้มเงื่อนไขลงทุนสถานบันเทิงครบวงจร

นอกจากนี้กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารโดยมีผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการสถานบันเทิงครบวงจรที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นประธาน โดยคณะกรรมการบริหารจะมีอำนาจหน้าที่หลายอย่าง โดยที่สำคัญคือ การทำหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกในการรวบรวมใบอนุญาต (ไลเซนส์) ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 

ทั้งนี้ เพราะการลงทุนของผู้ที่ได้ไลเซนส์จะลงทุนในธุรกิจที่เป็นกาสิโนก่อนสำนักงานฯ จะทำหน้าที่ในการเร่งรัดการออกใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องของกิจการอื่น เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และกิจการที่เกี่ยวข้องที่ต้องการมาลงทุน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน 

ขณะเดียวกันสำนักงานจะทำหน้าที่ในการควบคุมแผนเยียวยาสังคม และประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากการเกิดขึ้นของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ซึ่งจะทำหน้าที่ในส่วนนี้โดยไม่ต้องมีการตั้งหน่วยงานราชการใหม่ขึ้นมาดำเนินการ

ส่วนการกำหนดบุคคลที่เข้าไปเล่นในกาสิโน สามารถจะกำหนดเพิ่มได้เช่นไม่ให้คนที่เข้าไปเล่นเป็นบุคคลในครอบครัว หรือบางอาชีพเช่น นักการเมือง และข้าราชการระดับสูง เข้าไปเล่นในกาสิโนซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับที่สิงคโปร์ดำเนินการ

 

“รูปแบบของสิงคโปร์มีการกำหนดไม่ให้บุคคลบางอาชีพเข้าไปเล่นในกาสิโน เช่น นักการเมือง และข้าราชการระดับสูง ในไทยเมื่อเราทำกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เราอาจกำหนดกฎหมายในลักษณะนี้สำหรับในประเทศไทยเช่นกัน”

ตั้ง 5 เกณฑ์คัดเลือกผู้เข้ามาลงทุน

สำหรับในส่วนของการกำหนดหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้ประกอบการมาลงทุนในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์คณะกรรมการนโยบายฯได้กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ 5 ข้อ ได้แก่ 

1.มูลค่าการลงทุน

2.แผนงานในการจ้างงาน และพัฒนาทักษะแรงงานให้คนไทย

3.กิจการลงทุนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพนันซึ่งสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ ซึ่งในเรื่องนี้จะเป็นข้อเสนอที่คณะกรรมการจะพิจารณาจากข้อเสนอตามที่เราต้องการให้เกิดการลงทุน เช่น สนามกีฬาขนาดใหญ่ คอนเสิร์ตฮอลล์ พิพิธภัณฑ์ระดับโลก ศูนย์แสดงสินค้า และนิทรรศการ เป็นต้น

4.แผนการเยียวยา แก้ปัญหาผลกระทบจากสังคม

และ 5.มูลค่าใบอนุญาตที่จะมีการเสนอราคาให้กับรัฐบาล

“การทำเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะมีรายได้เข้ามามาก จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ไม่ใช่การพนัน (non gambling)โดยในการคำนวณตัวเลขทางเศรษฐกิจ ที่กำหนดให้มีการลงทุนแห่งละแสนล้าน รัฐบาลคิดในเรื่องของมูลค่าทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มลงทุน ทั้งในเรื่องเม็ดเงิน และเรื่องการจ้างงาน” นายศึกษิษฏ์ กล่าว

“สมาคมโรงแรม” แนะปักหมุดเดสติเนชั่นใหม่

นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ยังมีความไม่ชัดเจนหลายด้าน และมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมทั้งพื้นที่โครงการซึ่งอาจอยู่ในเมืองท่องเที่ยวหลักของไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ จำนวน 2 แห่ง ภูเก็ต เชียงใหม่ และพัทยา

ทั้งนี้ในแง่การท่องเที่ยวหากจะแจ้งเกิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นั้น น่าจะต้องเป็นจุดหมาย หรือเดสติเนชั่นใหม่ และควรจัดทำประชาพิจารณ์เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนในแต่ละจังหวัดหรือพื้นที่นั้นๆ ว่าเห็นด้วยหรือไม่

Entertainment ปลุกเศรษฐกิจ ดึงลงทุนแสนล้าน - บูมรายได้ท่องเที่ยว

ทั้งนี้ จะเห็นว่าการลงทุนใน 5 พื้นที่ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก สร้างรายได้สูง และมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ในปัจจุบันโครงสร้างพื้นฐาน และทรัพยากรบางอย่างอาจไม่เพียงพอกับความต้องการของนักท่องเที่ยวแล้ว เช่น ภูเก็ต และพัทยา อย่างในช่วงหน้าร้อนระบบน้ำเกิดปัญหาไม่เพียงพอกับนักท่องเที่ยวที่เข้ามา

ดังนั้น ภาครัฐจึงควรเลือกใช้แนวทางหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ แห่งที่ 6 เพื่อให้เป็นเดสติเนชั่นแห่งใหม่ และอยู่ในทำเลไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เพื่อทำให้การเดินทางสะดวก และเชื่อมต่อระบบขนส่งที่หลากหลาย

“ในเชิงท่องเที่ยวเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นการรวบรวมความหลากหลาย รองรับกลุ่มครอบครัวที่เข้ามาซึ่งจุดหรือพื้นที่ใกล้โครงการจะได้รับประโยชน์อย่างมาก และโดยส่วนตัวสนใจเมืองลาสเวกัสสหรัฐ พัฒนาจากเมืองทะเลทรายสร้างเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จนเกิดความเจริญ ทำให้เมืองสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว”

ขอกฎหมายชัดเจนหวั่นช่องโหว่แหล่งฟอกเงิน

 ดังนั้นสิ่งสำคัญของประเทศไทยคือ การวางกรอบกฎหมายให้ชัดเจนในทุกมิติ รวมทั้งการปักหมุดลงทุนบนพื้นที่แห่งใหม่ ซึ่งสามารถจัดทำเป็นเขตประกอบการพิเศษ เพื่อให้ใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจ ยกตัวอย่างที่ชัดเจนในต่างประเทศที่มีการสร้าง Man-made Destination อย่างยูนิเวอร์แซล มีลงทุนโครงการนอกเมืองทั้งสิ้น

นอกจากนี้ภาครัฐต้องวางกรอบกฎหมายปิดช่องโหว่ที่สร้างความวิตกกังวลให้คนในประเทศ โดยที่ผ่านมาการบังคับใช้กฎหมายของไทยค่อนข้างเป็นปัญหา โดยดูจากการประกอบธุรกิจโรงแรมของประเทศไทย ยังมีโรงแรมผิดกฎหมายเปิดให้บริการจำนวนมาก ดังนั้น หากประเทศไทย ไม่มีกรอบกฎหมายชัดเจน จึงอาจเกิดช่องโหว่กลายเป็นแหล่งของการฟอกเงินของกลุ่มทุนสีเทา

“ยังไม่มีความชัดเจนของกรอบกฎหมายในเรื่องคุณสมบัติของผู้เข้าไปใช้บริการ และข้อกำหนดเรื่องการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น หากมีปัญหาเรื่อง การผ่อนชำระเงินกับสถาบันการเงิน หรือ คุณสมบัติของผู้บริหารระดับสูงสุดของสถาบันต่างๆ เข้าใช้บริการได้หรือไม่”

อย่างไรก็ตาม หากลงทุนสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์โดยไม่มีกาสิโนนั้น มองว่า ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากประเทศต้องการโครงการลงทุนในรูปแบบใหม่ และเม็ดเงินลงทุนใหม่เข้ามาในประเทศ

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์