ยุคที่ชาวยูเครนเคยเป็นอิสระอย่างแท้จริง | วิทยากร เชียงกูล
ประวัติศาสตร์ของบางสังคมในบางช่วงตอนเป็นเรื่องน่าสนใจอย่างยิ่ง ยูเครนเป็นประเทศค่อนข้างเล็กที่อยู่ติดกับประเทศใหญ่อย่างรุสเซีย ออสเตรีย ฮังการี เยอรมัน จึงถูกยึด หรือครอบงำโดยประเทศใหญ่กว่ามากมาโดยตลอด
ในช่วงการปฏิวัติสังคมนิยมรุสเซียในเดือนตุลาคม 1917 ที่ยูเครนยังเป็นส่วนหนึ่งของรุสเซีย พวกอนาคิสต์ (สังคมนิยมแบบกระจายอำนาจให้ประชาชนหน่วยย่อยๆ จัดการตนเอง) ชาวยูเครนได้จัดตั้งกองทัพประชาชนเพื่อต่อสู้ทั้งกองกำลังต่างชาติคือออสเตรีย เยอรมัน และพวกรัสเซียขาว (ฝ่ายขวา) ชาวอนาคิสต์ยูเครนได้สร้างสังคมนิยมแบบอนาคิสต์ยูเครนในเขตปลดปล่อยในช่วงปี 1917-1921 มีผู้นำคนสำคัญคือ Nestor Makhno (1888-1934) ชาวนาที่กลายมาเป็นนักปฏิวัติ/นักรบ
เดือนมีนาคม 1918 รัฐบาลพรรคบอลเชวิคของสหภาพโซเวียตรุสเซียซึ่งยึดอำนาจมาได้ราว 6 เดือน ทำข้อตกลงสงบศึกกับฝ่ายมหาอำนาจกลาง (Central Powers) คือ ออสเตรีย ฮังการี และเยอรมัน โดยรัฐบาลรุสเซียยอมเสียดินแดนบางส่วนรวมทั้งยูเครนให้ฝ่ายมหาอำนาจกลาง ซึ่งเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลยูเครนจากกลุ่มที่สนับสนุนพวกตน เป็นพวกอดีตข้าราชการเก่ายุคซาร์ที่บริหารล้มเหลว ชาวยูเครนหลายกลุ่ม ทั้งพวกบอลเชวิค พวกสังคมนิยมปฏิวัติ พวกชาตินิยม พวกอนาคิสต์ไม่ยอมรับรัฐบาลชุดนี้
การปฏิวัติในเยอรมันในเดือนพฤศจิกายน 1918 ทำให้เยอรมันพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 Makno นำกองทัพประชาชนยูเครน 6,000 คน ขับไล่กองทหารเยอรมันที่ยังยึดครองจังหวัด Yekaterinoslav ของยูเครนออกไป ยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดได้ และจัดตั้งเขตเสรี (The Free Territory) เพื่อบริหารจัดการในแนวสังคมนิยมอนาคิสต์
ประชาชนยูเครนในเขตเสรีบริหารกันเองเป็นหน่วยย่อยๆ โดยไม่ต้องมีรัฐ Makhno ผู้นำเป็นนักยุทธศาสตร์การทหารและที่ปรึกษาเพื่อปกป้องสังคมอนาคิสต์ ไม่ได้ถือว่าตัวเองเป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการทางสังคม ชาวอนาคิสต์ยูเครนจัดระบบให้คณะกรรมการประชาชนแต่ละคอมมูนบริหารกันเอง แต่ละคอมมูนสัมพันธ์เชื่อมโยงกับคอมมูนในรูปเครือข่ายสหพันธ์ของคอมมูนทั้งหลาย
เขตแดนเสรีของพวกอนาคิสต์ส่วนใหญ่เป็นสังคมชาวนา พวกเขาจัดตั้งคอมมูนแบบเสรีที่สมาชิกมาประชุมร่วมกันตกลงแบ่งงานกัน ทั้งงานเกษตรและงานบ้านเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม การจัดระเบียบสังคม ยึดคุณค่าของอนาคิสต์ว่า การจัดตั้งองค์กรชุมชนที่เป็นอิสระและบริหารโดยประชาชนเองคือความเป็นธรรมทางสังคมในรูปแบบสูงสุด
ในด้านการศึกษา พวกเขายึดตามแนวปรัชญาการศึกษาของ Franceso Ferree (1859-1909) นักปรัชญาการศึกษาแนวอนาคิสต์สเปน ที่ให้นักเรียนได้เรียนรู้ชีวิตจริงอย่างมีอิสระเสรีและสร้างสรรค์ ไม่ขึ้นกับศาสนจักร ไม่ขึ้นกับรัฐ ส่งเสริมให้นักเรียนรักการเรียนและรับผิดชอบด้วยตัวเองโดยครูจะยึดหลักการไม่ใช้การลงโทษ การให้รางวัลและการจัดสอบ เพราะถือว่าเป็นการแบ่งแยกไม่เป็นผลดีต่อเด็ก รวมทั้งให้อำนาจครูมากไป
ในด้านเศรษฐกิจ พวกอนาคิสต์ยูเครนยึดแนวคิดของปีเตอร์ โครพ๊อตกิ้น เรื่องคอมมูนชนบทควรร่วมมือและแลกเปลี่ยนสินค้ากับคอมมูนในเมืองอย่างสามัคคีและเป็นธรรม
ในทางการเมือง พวกเขาสนับสนุนคณะกรรมการ (โซเวียต) คนงานและชาวนาที่เป็นอิสระในระดับต่างๆ และต่อต้านรัฐบาลกลาง พวกเขาปฏิเสธองค์กรตำรวจลับ Cheka ของรัฐบาลสหภาพโซเวียตและปฏิเสธองค์กรสถาบันที่มีลักษณะใช้อำนาจบังคับอื่นๆ ส่งเสริมเสรีภาพในการพูด การตีพิมพ์ การชุมนุม การจัดตั้งกลุ่มต่างๆ มีการจัดประชุมคณะกรรมการประชาชนหลายชุด หลายครั้ง ที่เปิดให้สมาชิกพรรคการเมืองและกลุ่มต่างๆ รวมทั้งสมาชิกบอลเชวิคเข้าร่วมประชุมได้
ในช่วงที่ชาวอนาคิสต์ในเขตแดนเสรีต้องต่อสู้ทั้งพวกเยอรมัน พวกชาตินิยมยูเครน และกองทัพขาวของฝ่ายอำนาจเก่ารุสเซีย Makho เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับกองทัพแดงของพรรคบอลเชวิค โดยถือว่าเป็นการตกลงเป็นพันธมิตรทางทหารเท่านั้น แต่จะไม่ให้มีผลกระทบต่อโครงสร้างทางสังคมของจังหวัดในพื้นที่ปลดปล่อยของพวกเขา
พวกอนาคิสต์ยูเครนยังคงรักษาโครงสร้างทางการเมืองแบบของพวกเขาไว้ ปฏิเสธไม่เข้าร่วมกองทัพแดงของสหภาพโซเวียต ไม่ยอมจัดการเลือกตั้งที่พรรคบอลเชวิคเป็นผู้จัดการ ไม่ยอมรับที่ปรึกษาทางการเมือง (Political Commissar) ที่รัฐบาลบอลเชวิคส่งมา กองทัพแดงของพรรคบอลเชวิคยอมรับเงื่อนไขเหล่านี้ชั่วคราว แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เลิกส่งเสบียงพื้นฐาน เช่น ธัญญาหารและถ่านหิน ที่เคยสัญญาว่าจะส่งให้
หลังจากที่กองทัพรัสเซียขาวของนายพล Wrangel พ่ายแพ้พันธมิตรฝ่ายซ้ายในเดือนพฤศจิกายน 1920 ไปแค่ 2 สัปดาห์ นายทหารฝ่าย Makhno หลายคนที่ได้รับเชิญไปร่วมประชุมที่กรุงมอสโกถูกทหารกองทัพแดงเข้าจับกุมและลงโทษประหารชีวิต Makno กับพรรคพวกหนึ่งหลบหนีไปต่างประเทศได้ คราวนี้ทั้งกองทัพแดงและหน่วยกองกำลังพิเศษขององค์กรตำรวจ Cheka ตามเล่นงานพวกอนาคิสต์และผู้เห็นใจอนาคิสต์ทั่วประเทศรัสเซียด้วย
นี่คือการสิ้นสุดของยุคสมัยที่นักวิชาการฝ่ายก้าวหน้าคนหนึ่งเขียนบทความตอนรุสเซียบุกยูเครนครั้งล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ (2020) ว่า เขตเสรีในยูเครนในยุคปี 1917-1921 คือยุคสมัยเดียวและเขตแดนเดียวที่ชาวยูเครนเคยเป็นอิสระอย่างแท้จริง
คำประกาศของกองทัพปฏิวัติประชาชน Makhonovist “กองทัพนี้มุ่งที่จะปกป้องเสรีภาพในการกระทำ ชีวิตที่มีอิสระเสรีของคนงานจากการถูกกดขี่ขูดรีดและการครอบงำทุกด้าน ดังนั้นกองทัพของชาวแมคโนวิสต์ จึงไม่ได้เป็นตัวแทนของสิทธิอำนาจ (Authority) ใด กองทัพนี้จะไม่กำหนดให้ประชาชนคนใดต้องมีพันธะใดๆ ทั้งนั้น กองทัพมีหน้าที่แค่ปกป้องเสรีภาพของคนงาน เสรีภาพของชาวนาและคนงานเป็นสิทธิของพวกเขาเอง และไม่ควรที่จะถูกจำกัดด้วยข้อจำกัดใดๆ ทั้งนั้น”.