ความสุขในชีวิตอยู่ที่ “วิธีคิด” ของแต่ละคน
“Life is always sweeter with Good food, Good friends, and Great conversation”
คำกล่าวนี้เป็นจริงยิ่งนักโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ เทศกาลปาร์ตี้ที่หลายๆ คนได้ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์กัน ยิ่งถ้าได้รับประทานอาหารอร่อยๆ กับ “มิตร” ที่มี “ทัศนคติ” และ “วิธีคิด” ที่ดี มีการสนทนาที่ได้แง่คิดทำให้เรามีชีวิตชีวา ดิฉันคิดว่ามันมีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด
ช่วงเทศกาลดิฉันมีนัดไปร่วมรับประทานอาหารกับมิตรสหายเพื่อรำลึกถึงกันและส่งความปรารถนาดีให้กัน ได้ไต่ถามทุกข์สุขและ update ชีวิตของกันและกันมาหลายมื้อ มีดินเนอร์มื้อหนึ่งที่ดิฉันไปพบกับมิตรรุ่นน้อง น้องๆ กลุ่มนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคน Generation X แทบทั้งสิ้น ดิฉันรู้จักพวกเขาในโครงการ Control Alternate Delete (CAD), Reboot your life, Design your future ที่ธนาคารจัดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมรับโลกที่เปลี่ยนแปลงและเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมและแสดงบทบาท และยังเปิดโอกาสให้คนยุค Baby Boomer อย่างดิฉันและผู้บริหารระดับสูงท่านอื่นๆ ได้มีโอกาส mix ตัวเองให้เข้ากับ younger generation โดยออกแบบกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำร่วมกันโดยไม่มีเส้นแบ่งในเรื่อง ความอาวุโส หรือ ตำแหน่งหน้าที่ใดๆ มาขวางกั้น ทำให้พวกเราสนิทกันมาก น้องๆ ทั้ง 8 คนในทีมมี เอ บอย ติ๊ก แต๊ก แม็ค กบ ชมพู่ และ พาย
ระหว่างดินเนอร์กัน บอย คุณพ่อลูก 3 ที่มีลูกสาว 3 คนวัยกำลังโตได้เล่าถึง “วิธีคิด” และประสบการณ์ในการเลี้ยงดูลูกให้พวกเราฟังว่าลูกๆ ของเขาเรียนแบบ Home School ที่บ้าน เพราะสังเกตเห็นว่าลูกๆ ตัวเองนั้นชอบอะไรที่เฉพาะเจาะจงมากๆ ลูกสาวคนโตชอบศิลปะ ลูกสาวคนรองชอบงานเขียน การสอนในโรงเรียนในระบบปกติไม่ตอบโจทย์ชีวิตของลูกๆ คุณพ่อคุณแม่จึงช่วยกัน “ออกแบบ” วิธีการเรียนให้ลูกๆ เอง และผลที่ออกมาก็น่าภาคภูมิใจ ลูกสาวคนโตอายุ 17 ปี ของบอยเก่งมาก ได้ไปฝึกงานด้านออกแบบกราฟฟิกในบริษัททำหนังสือแห่งหนึ่ง ทั้งๆ ที่เพิ่งเรียนอยู่ระดับชั้น ม. 5 และยังรับงานเล็กๆ โดยช่วยแก้ไข content ก่อนที่จะขึ้นโพสต์ออนไลน์ เป็นการหารายได้เสริม ทำให้ลูกๆ เป็นเด็กที่มีความเก่งและแกร่งมากกว่าเด็กทั่วไป มีความเป็นของตัวเองและมีความคิดอยากจะไปเรียนรู้เรื่องศิลปะที่ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับหางานทำไปด้วยเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้ครอบครัว ดิฉันคิดว่านี่เป็นเรื่องอัศจรรย์ของแนวคิดของคนที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และรู้จักออกแบบชีวิตที่เหมาะกับตัวเอง คล้ายกับแนวคิด “Designing Your Life” ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ทันสมัยมากๆ
เมื่อ บอย เล่าจบ พนักงานเข้ามาเสิร์ฟไวน์ เจ้าแม็ค ก็พูดขึ้นมาว่าไม่ดื่มไวน์แล้วตั้งแต่สึกจากการไปบวชเป็นพระภิกษุ และเล่าว่าในช่วงนั้นได้ศึกษาพระธรรมและใช้ชีวิตแบบนักบวช แม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แค่ 3 สัปดาห์ แต่ก็พบกับความสงบและมีความสุขมาก จนแม้กระทั่งเมื่อสึกแล้ว ก็ยังมีความเพียรที่จะตื่นตี 3-4 ในวันเสาร์ทุกสัปดาห์ เพื่อไปถือย่ามเดินตามพระอุปัชฌาย์ไปบิณฑบาต เพราะอยากจะยังคงเก็บความรู้สึกดีๆ ความซาบซึ้ง ในแนวทางพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ตลอด จะได้ไม่ลืมว่าต้องปฏิบัติแบบไม่ทิ้ง ความคิดและสิ่งที่แม็คปฏิบัติ ดิฉันมองว่าน่ารักมากๆ
เมื่อพวกเราสนทนากันมาถึงเรื่อง “การเปลี่ยนแปลง” ต่างๆ ในองค์กรที่เกิดขึ้นมากมาย ติ๊ก ก็พูดขึ้นมาว่า บนโลกที่เปลี่ยนไปเร็วแบบนี้ ถ้าเราไม่ force ตัวเอง ให้เปลี่ยนแปลงตามให้ทัน เราจะกลายเป็นคนที่ตกยุคสมัยและมีความเสี่ยงมากที่จะตกงาน วันใดวันหนึ่งข้างหน้าคนรุ่นใหม่ที่เก่งๆ อาจจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าเรา เมื่อวันนั้นมาถึงเราต้องยอมรับความจริงและจะต้องพัฒนาความสามารถเราไปเรื่อยๆ อย่าถอดใจแล้วกลายเป็น Dead Wood ที่ไม่มีคุณค่าใดๆ
เมื่อติ๊กพูดจบ แต๊ก สมาชิกในทีมอีกคนที่ทำงานกับ SCB มามากกว่า 20 ปี ก็สนับสนุนว่าอยู่ที่นี่มานานเห็นการเปลี่ยนแปลงมาตลอด หลายยุคหลายสมัยจนมองเห็นเป็นเรื่องปกติ มันอาจจะมีผลบ้างตอนเปลี่ยนช่วงที่มันชุลมุน เปลี่ยนหน้าที่ เปลี่ยนคนรับผิดชอบ มันทำให้งานสะดุดอยู่บ้าง แต่มันก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วเราก็ต้องพยายามทำให้กระทบกับงานให้น้อยที่สุด ทำให้การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติและทำให้กระบวนการทำงานมันยังคงอยู่แบบมีคุณภาพจนทำให้ธนาคารเรายังคงแข็งแรงอยู่มาจนทุกวันนี้
ดิฉันนั่งฟังน้องๆ สนทนากันด้วยความปลื้มใจ น้องๆ เหล่านี้เป็นเด็กดีและมีความคิดที่น่ารัก การมาดินเนอร์กันครั้งนี้ ดิฉันได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากพวกเขา มันเป็นช่วงเวลาที่ดิฉันมีความสุขและได้รับประโยชน์จากการแลกเปลี่ยน “วิธีคิด” กับ “ทัศนคติ” ของแต่ละคน
แน่นอนบนโลกที่เปลี่ยนไปทุกคนก็เจอเรื่องที่ท้าทายในชีวิตการทำงาน ในสภาพแวดล้อมในสังคมที่เราอยู่ มันจะสุขหรือทุกข์ก็อยู่ที่ “มุมมอง” และ “วิธีคิด” ในการใช้ชีวิตของแต่ละคน มันทำให้เราผลิดอกออกผล เป็นความเจริญก้าวหน้า เป็นการเรียนรู้บนเรื่องใหม่ๆ พร้อมกับปรับตัวให้ทันสมัย เป็นความสุขง่ายๆ โดยยังไม่ต้องขวนขวายไขว่คว้าเรื่องชื่อเสียง เงินทอง หรือ ยศถาบรรดาศักดิ์
วิธีคิดของน้องๆ เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า การเข้าใจตัวเอง ค้นพบสัจธรรม และ การเรียนรู้ที่จะปรับทัศนคติ ให้การดำเนินชีวิตหรือการทำงานมีคุณค่าและน่าภูมิใจ เป็น “ของขวัญ” ที่ไม่ต้องไขว่คว้าและเป็นสิ่งล้ำค่าในชีวิตของแต่ละคน