อาลีบาบา ชู “กิจการเพื่อสังคม” หัวใจสำคัญของธุรกิจ
สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน ฉบับนี้ดิฉันมีกรณีตัวอย่างขององค์กรระดับโลกที่นำแนวทางของ “กิจการเพื่อสังคม” มาปรับใช้ในองค์กร จนกลายเป็นหนึ่งใ
นั่นคือ “อาลีบาบา กรุ๊ป” ที่เมื่อเร็วๆ นี้ได้เปิดเผยรายงานกิจการเพื่อสังคมฉบับแรก ซึ่งรวบรวมโครงการการกุศลของบริษัทและพนักงานอาลีบาบาที่ดำเนินกิจการดังกล่าวผ่านแพลตฟอร์มของอาลีบาบา อาลีเพย์ และโครงการ “1 คน 3 ชั่วโมง” (Each Person Three Hours)ซึ่งจับคู่อาสาสมัครทั่วประเทศจีนกับองค์กรที่รอรับความช่วยเหลือ
ใน1 ปีที่ผ่านมา กิจการเพื่อสังคมของอาลีบาบาและอาลีเพย์ มีประชากรกว่า 440 ล้านคนทั่วประเทศจีนที่ใช้แพลตฟอร์มเพื่อสังคมระดมทุนกว่า 1,270 หยวน (184 ล้านดอลล่าร์ สหรัฐ) โดยบริจาคผ่านองค์กรการกุศล ขณะที่ประชาชนกว่า 15 ล้านคนลงชื่อใช้แพลตฟอร์มEach Person Three Hours ซึ่งรวบรวมโอกาสการเป็นอาสาสมัครกว่า 3 ล้านตำแหน่ง จากองค์กรไม่หวังผลกำไรจำนวน 937 องค์กร
“ซัน ลี่จุน” ประธานมูลนิธิอาลีบาบากล่าวว่า “ที่อาลีบาบา เรายึดถือกิจการเพื่อสังคมเป็นหัวใจสำคัญของโมเดลธุรกิจบริษัท ภารกิจแรกของเราคือ การหาวิธีแก้ปัญหาสังคมที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน เรามุ่งหวังเป็นผู้รับผิดชอบในการนำพากิจกรรมเล็กๆ เหล่านี้ ให้เกิดเป็นผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อสังคม และผลักดันให้ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสาธารณะ”
มูลนิธิอาลีบาบา ก่อตั้งขึ้นมาในปี 2554 โดยมีแนวทางสนับสนุนโครงการเพื่อสังคมรูปแบบต่างๆ โดยช่วงปลายปี 2560 มูลนิธิฯ ได้เปิดตัวกองทุนเพื่อการขจัดความยากจน (Alibaba Poverty Relief Fund)เพื่อแก้ไขปัญหาในชนบทของจีน ซึ่งแบ่งเป็นปัญหาด้านต่างๆ ควบคุมโดยผู้บริหารระดับสูงของบริษัท
ที่อาลีบาบา แต่ละหน่วยธุรกิจถูกกำหนดให้มีกิจการเพื่อสังคม “แอนท์ ไฟแนนเชียล” และโปรแกรมแบบโต้ตอบ (interactive)บนอาลีเพย์ แอพ ที่เรียกว่า “แอนท์ ฟอเรสต์” ซึ่งมีการให้รางวัลผู้ใช้ที่สนับสนุนด้านความยั่งยืน อาทิ การใช้ระบบขนส่งสาธารณะ การจ่ายบิลผ่านช่องทางออนไลน์ คะแนนจากกิจกรรมเหล่านี้สามารถแลกกับการปลูกต้นไม้ในพื้นที่แห้งแล้งในประเทศจีน โดย “แอนท์ ไฟแนนเชียล” ร่วมกับองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติ สามารถปลูกต้นไม้ได้กว่า 100 ล้านต้นในจีน
นอกจากนี้ วิศวกรของอาลีบาบายังใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อพัฒนากิจการเพื่อสังคม อาทิ แอพติดตามรูปแบบบล็อกเชน เพื่อพัฒนาประสิทธิผลของการบริจาคหนังสือแก่บริเวณชนบทของจีน โปรแกรมดังกล่าวสามารถติดตามว่าหนังสือที่บริจาคโดยแต่ละบริษัทและบุคคลไปถึงจุดหมายที่ต้องการจริงๆ ซึ่งได้แก่ โรงเรียนประถมในถิ่นทุรกันดาร นอกจากนี้ ยังสามารถระบุได้ว่าหนังสือเล่มใดถูกยืมและพื้นที่ใดทีต้องการรับบริจาคหนังสือ และ Amapบริการเกี่ยวกับแผนที่และการนำร่อง เปิดตัวโครงการแผนที่สิ่งแวดล้อม (environmental map)ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพอากาศและน้ำของ 364 เมืองทั่วประเทศจีน
ไม่เพียงแต่กิจการเพื่อสังคมในจีนเท่านั้น แต่ยังมีความร่วมมือระดับโลก โดยในปีที่ผ่านมา ทีมอลล์ โกลบอล แพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดของจีน เปิดตัวโครงการ “สินค้าแลกความดี” (Goods for Good) แก่ผู้ค้าต่างชาติที่ขายของบนทีมอลล์ ซึ่งอนุญาตให้ผู้ขายหักเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากยอดขายไปบริจาคเพื่อช่วยเหลือสังคม กล่องบรรจุอุปกรณ์การเรียนกว่าพันกล่องได้ถูกนำไปให้นักเรียนกว่า 50,000 รายในเนปาล กัมพูชา และเมียนมา
อีกตัวอย่างของกิจการเพื่อสังคม ได้แก่ หลักสูตร eFounder ตั้งแต่ปี 2560 ผู้ประกอบการกว่า 130 ราย จาก 24 ประเทศ ได้รับคัดเลือกให้เยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของอาลีบาบาในเมืองหังโจว เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซและการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจดิจิตัลในประเทศจีนผ่านประสบการณ์ตรง
อาลีบาบายังสนับสนุนให้พนักงานทุกคน รวมไปถึงผู้บริหารระดับสูงอุทิศเวลาว่างอย่างน้อย 3 ชั่วโมงต่อปี มาทำกิจกรรมเพื่อสังคม โดยพนักงานสามารถเลือกกิจกรรมที่สนใจ เช่นบางคนก็เลือกที่จะเก็บขยะบริเวณแหล่งท่องเที่ยว ทำความสะอาดกรงในที่พักพิงของสัตว์จรจัด และรับเป็นติวเตอร์แก่นักเรียนที่ขาดโอกาสโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
นับเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ