กลิ่นอายแห่งธรรม .. บนทุ่งกว้างมองโกเลีย !!!!
เจริญพรสาธุชน .... อาตมาได้เดินทางสู่ประเทศมองโกเลีย... โดยออกจากสนามบินเชียงใหม่คืนวันที่ 4 ก.ย. ถึงสนามบินปักกิ่งและเดินทางต่อถึงในเช้าที่ 5 ก.ย. 2562... ถึงประมาณ 11 โมงเช้า...
มีกงสุลกิตติมศักดิ์ของประเทศไทยเป็นชาวมองโกเลียมาต้อนรับ ... พร้อมคณะชาวไทย.. และเจ้าภาพคณะสงฆ์มองโกเลีย...ที่ออกวุ่น ๆ .. นิดในการจัดการต้อนรับ... กว่าจะประสานกันได้เข้าใจ .. ด้วยเจ้าภาพจัดงานได้จัดห้องพักให้กับพระเถระ/ประธานคณะสงฆ์แต่ละประเทศ .. และผู้นำจิตวิญญาณ .. จากแต่ละศาสนา ไว้ที่โรงแรม Holiday Inn .. 5 ดาว อย่างหรู...
แต่ในส่วนของอาตมาได้แจ้งไปล่วงหน้าแล้วว่า จะขอพักวัดมหายาน ซึ่งเป็นวัดใหญ่ .. ในตัวเมืองอูลันบาตอ.... จึงได้ขอให้คุณดำรงฯ จากบริษัทบ้านปูฯ ที่ท่านเอกอัครราชทูตไทยประจำปักกิ่ง/จีน ได้มอบหมายให้เป็นตัวแทนชาวไทยมาถวายการต้อนรับ อำนวยความสะดวกจัดรถรับส่งถึงวัดที่ชื่อ.. Gandan Tegchenling Monastery... ซึ่งเจ้าภาพจัดงานได้จัดห้องพักเตรียมไว้ต้อนรับอย่างดี
ในห้องพักมีเครื่องทำความร้อน ด้วยกลางคืนถึงรุ่งเช้าอากาศจะหนาวจัดเลขตัวเดียว ส่วนกลางวัน ร้อนแดด แต่หนาวค้างคาตามที่พักในร่มทั้งหลาย... ด้วยความแตกต่างของอากาศที่ค่อนข้างสูง จึงทำให้ออกอาการภูมิแพ้เล็ก ๆ เช่นเคย
นั่งรถมองดูสภาพภูมิประเทศของเมืองเจงกีสข่าน ออกจะเป็นที่ราบสูงกว้างใหญ่ น่าจะสูงกว่าระดับน้ำทะเลร่วมพันเมตรโดยเฉลี่ย.. จึงเหมาะกับการเลี้ยงสัตว์ในท้องทุ่งกว้างใหญ่กลางหุบเขา.. จริง ๆ ...แล้วหากต้องการมองดูสภาพธรรมชาติด้านอื่นบ้าง คงไม่มีอะไรเลยที่จะกระทบจิตให้อยากสัมผัสถึงแผ่นดินที่ซึมซับประวัติศาสตร์มายาวนาน ... ด้วยทุกอย่างถูกกองทัพต่างชาติทำลาย เผาทิ้ง จนไม่มีเหลือ.. ยังดีว่า..ไม่สิ้นชาติ.... ทั้งที่ถูกปกครองโดยรัสเชียมาร่วม 70 ปีจนเกือบถูกกลืนชาติให้สูญสิ้นไป..
เมื่อแลดูโดยรอบ .. จึงให้นึกถึงอดีตแห่งความเกรียงไกรของกองทัพม้าเจงกีสข่าน .. จอมกษัตริย์แห่งอาณาจักรมองโกล .. ผู้ยิ่งใหญ่ไปทั่วทุกทิศ.... ที่บัดนี้เกือบจะไม่ปรากฏร่องรอยอะไรเอาไว้เลย... นอกจากร้านรวงของชาวมองโกลที่ใช้ชื่อ เจงกีสข่าน ปรากฏให้เห็นในระหว่างนั่งรถผ่านสองข้างทาง .. ในตัวเมืองอูลันบาตอ...
เย็นนี้ จึงวางแผนจะออกเดินสำรวจเมือง ... และคืนนี้จะเตรียมตัวเพื่อเข้าประชุม SAMVAD III ในชื่อ Global Hindu-Buddhist Initiative on Conflict Avoidance and Environment Consciousness ซึ่งในวันพรุ่งนี้ มีพูดในที่ประชุมตามที่เจ้าภาพกำหนดการไว้ .. โดยจะพูดในหัวข้อเรื่อง... การก้าวข้ามความขัดแย้ง..ด้วยความเข้าใจโลกโดยสัมมาทิฏฐิ .. ในพระพุทธศาสนา !
อนึ่ง ในระหว่างนั่งเครื่องบินจากปักกิ่ง/จีน สู่ มองโกเลีย ได้เขียนธรรมบทหนึ่งชื่อ “การพัฒนา..ที่ขาดความใส่ใจในการภาวนา” .. โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งที่ควรพิจารณาดังนี้... “ดังนั้น หากประชาคมโลกชักชวนกันก้าวข้ามการภาวนา .. มุ่งเน้นแต่การพัฒนาทางด้านภายนอก... ไม่ว่าจะเป็นบุคคล วัตถุ สิ่งของ และให้ความสำคัญกับโลกธรรม .. ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข .. อย่างไม่ตื่นรู้ เพื่อเห็นถึงความจริงอีกด้านของความเสื่อมสูญสิ้นไป.. ในที่สุดแห่งการพัฒนา จนไม่ใส่ใจการภาวนา .. ย่อมทำโลกนี้ไปสู่ความหายนะอย่างแน่นอน....
ดังปรากฏความเจริญก้าวหน้าในกระแสความเจริญเติบโตทางด้านเทคโนโลยีชั้นสูงของระบบ IT .. ที่สร้างพัฒนาการทางด้านการเรียนรู้ของโลกศึกษาอย่างก้าวกระโดด .. จนสัตว์โลกต้องก้าวทะยานติดตามพัฒนาการความรู้ทางด้านวัตถุนิยมในยุค IT จนขาดความใส่ใจในการมองเข้าสู่ภายใน เพื่อการเรียนรู้ให้ทันภาวะทางจิตใจ...
การก้าวกระโดดทางวิชาการสมัยใหม่ของโลกนิยมในยุคไร้พรมแดน จึงนำไปสู่การก่อเกิดความซับซ้อนของปัญหามากยิ่งขึ้นในจิตวิญญาณของมนุษยชาติ ที่แบ่งเป็น Generation ต่าง ๆ ... โดยอาศัยภาวะความคุ้นเคย .. นิสัย .. อุปนิสัย ทางจิตวิญญาณ ที่เกิดจากการรับรู้ความทันสมัยของการพัฒนาการของโลกวัตถุนิยมเป็นที่ตั้ง...
การพัฒนาการอย่างเสียสมดุลจึงเกิดขึ้นในโลกยุคไร้พรมแดน ขณะนี้ .. จึงก่อเกิดภาวะปัญหาส่งผลตอบคืนกลับต่อโครงสร้างทางจิตวิญญาณของสังคม.. ดังปรากฏความย่อยสลายของกระบวนการศีลธรรม จริยธรรม และคุณธรรม... และวัฒนธรรมประเพณี ตลอดจนอารยธรรมที่มนุษยชาติได้สร้างขึ้น .. เพื่อแสดงภาวะดุลยธรรมของโลก ที่จักดำเนินไปอย่างสงบสุข เรียบร้อย และสวยงาม... แม้จะไม่เที่ยงแท้ในวิถีแห่งธรรม .. ของโลก...”
เจริญพร