การควบกิจการจึงอาจเป็นอีกทางออกหนึ่งให้กับธุรกิจในภาวะวิกฤติเช่นนี้
ตัวเลขประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจบ้านเรามีการปรับลดลงมาโดยตลอด ด้วยหลายปัจจัยเหตุ อาทิ การแข็งตัวของค่าเงินบาท ที่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของภาคการส่งออก ภาวะเศรษฐกิจโลก และล่าสุด คือ การระบาดของไวรัสโควิท-19 ที่ทำให้เราต้องมาปรับลดตัวเลขกันอีกครั้ง
แต่ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขเท่าไรในแง่ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของคนทั่วไปคงรุนแรงมากกว่านั้น เพราะทุกวันนี้ดูเหมือนกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะหยุดชะงักไปไม่น้อย เนื่องจากความหวาดกลัวการติดเชื้อจนทำให้คนจำนวนมากไม่กล้าใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ หลายคนจึงมองโลกแง่ร้ายว่าวิกฤติเศรษฐกิจกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ความเชื่อว่าตัวเลขผลประกอบการในปีนี้คงติดลบครั้งมโหฬารจึงไม่กล้าลงทุนขยายกิจการใด ๆ แล้วหันมากัดฟันสู้ด้วยการลดราคาเพื่อให้ธุรกิจของตัวเองอยู่รอด
จริงอยู่ว่าปีนี้ภาวะเศรษฐกิจอาจไม่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ในเวลาเดียวกันก็ยังมีโอกาสให้กับธุรกิจที่มองหาช่องว่างให้กับตัวเองได้ แม้ว่าการแข่งขันรุนแรงที่ให้มีผลกำไรต่ำแต่อาจมีโอกาสให้เราได้ทำธุรกิจเสริมที่มีอัตราผลกำไรสูงกว่าจากฐานลูกค้าเดิมได้
ในจังหวะเช่นนี้จึงเป็นเวลาที่ดีในการที่บริษัทจะได้คิดทบทวนรูปแบบการดำเนินธุรกิจเพื่อหาช่องทางในการหารายได้จากแหล่งอื่น เช่นบริการเสริม หรือพ่วงการจำหน่ายสินค้าและบริการเสริมที่มีผลกำไรสูงให้กับสินค้าเดิม ๆ ที่มีอัตราผลกำไรต่ำ
การแสวงหาช่องทางดังกล่าวต้องประเมินทั้งการใช้ทรัพยากร ซึ่งอาจมีช่องว่างอยู่เช่นกัน เพราะธุรกิจเดิมอาจใช้คนน้อยลง เพราะภาวะซบเซา การจัดสรรกำลังคนใหม่ จึงเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ขณะเดียวกัน เราอาจพบว่า ซัพพลายเออร์หรือคู่ค้าที่ทำงานด้วยกันมานาน อาจเปลี่ยนสถานะมาเป็นผู้ร่วมธุรกิจกันได้หากเขามีจุดแข็งที่สามารถเสริมให้กับธุรกิจหลักของเราได้
การควบกิจการจึงอาจเป็นอีกทางออกหนึ่งให้กับธุรกิจในภาวะวิกฤติเช่นนี้ เพราะเมื่อรวมรายได้ทั้งสองบริษัทเข้าด้วยกัน นั่นหมายถึงอำนาจต่อรองกับคู่ค้าที่สูงขึ้น และแหล่งรายได้ของบริษัทก็ย่อมมากขึ้นจากการรวมธุรกิจทั้ง 2 ฝั่งเข้าด้วยกัน ในยามที่เราไม่อาจรักษาแผนที่เคยวางไว้ได้ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องหันมาทวนเป้าหมายทางธุรกิจที่เคยได้ตั้งเอาไว้
โดยอย่างแรก คือ แผนที่จะรุกและขยายกิจการไปข้างหน้าที่ต้องปรับให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับอีกทางหนึ่งคือการหันมาดูการบริหารงงานภายในที่อาจมีช่องโหว่อยู่มากมายโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะการบริการจัดการภายในและค่าใช้จ่ายที่อาจมีมากเกินความจำเป็นมานานโดยไม่มีการพิจารณาอย่างละเอียด
ค่าใช้จ่ายที่ลดลงไปได้แม้เพียง 10% นั่นอาจหมายถึงผลกำไรที่ได้เพิ่มขึ้นทันทีโดยไม่ต้องขายสินค้าหรือบริการใด ๆ เพิ่มเติม ในขณะที่ธุรกิจเดิมหาช่องทางในการสร้างผลกำไรเพิ่มเติมได้ยากมาก การลดค่าใช้จ่ายจึงอาจทำได้ง่ายกว่ามาก