พลังศักดิ์สิทธิ์ .. คุ้มครองแผ่นดินไทย !!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา .. หากจะถามว่ามนุษย์เรามาจากไหน..
คำตอบในพุทธศาสนาเราระบุชัดตรงตามหลักวิทยาศาสตร์ว่า.. มีพ่อแม่เป็นแดนเกิด พ่อแม่จึงมีฐานะเทียบเท่ากับพรหม ซึ่งเป็นผู้สร้างตามคติของศาสนาพราหมณ์ เพราะพ่อแม่ย่อมประกอบด้วยพรหมธรรม .. นั่นเป็นสัจธรรม หน้าที่ของพ่อแม่จึงมิได้ให้กำเนิดส่วนเดียว แต่จักต้องให้การอุปการะด้วย โดยบุตรธิดามีหน้าที่แสดงความกตัญญูกตเวทีตอบสนอง
มนุษย์เป็นสัตว์สังคมโดยพันธุกรรม.. จึงต้องมีความเชื่อมโยงในวงศาคณาญาติ .. จนนับเนื่องเป็นชุมชน สังคม ประเทศชาติ ให้ก่อเกิดการจัดตั้งเป็นประเทศเขตแดน จึงต้องมีแผ่นดินรองรับกลุ่มชนที่มีความเป็นพวกพ้องเดียวกัน เพื่อเป็นเอกภาพ .. เสถียรภาพของหมู่ชนดังกล่าวนั้น อันเชื่อมโยงความเป็นญาติชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ร่วมบนแผ่นดินเดียวกัน
เมื่อมีการอยู่ร่วมกันของสังคมพหุชน จึงต้องมีการคัดเลือก สรรหา แต่งตั้ง บุคคลที่มีกำลังศักยภาพความพร้อมในทุกด้านเพื่อเป็นผู้นำมหาชน จะได้มีอำนาจบารมีในการจัดสรรทรัพยากรบนแผ่นดินนั้นให้กับสมาชิกในสังคมนั้นได้อย่างทั่วถึงด้วยความยุติธรรม..
จึงเป็นธรรมดาที่สังคมนั้น ๆ จะต้องคัดสรรหาผู้นำขึ้นมา เพื่อบริหารจัดการให้สังคมประเทศนั้น ๆ เป็นไปด้วยดี อย่างมีระเบียบแบบแผน จึงจักสามารถสืบสานความเป็นเอกราชของสังคมประเทศนั้นให้สืบเนื่องยาวนานมาได้หลายร้อย .. หลายพันปี ดังที่ในอดีตได้มีบุคคลที่มหาชนยกย่องว่าเป็น สมมติเทพ ขึ้นมารับภาระกิจการแผ่นดิน เพื่อประโยชน์สุขของมหาชน ดังที่เรียกขานว่า... พระราชาผู้ทรงธรรม
พระราชา หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า กษัตริย์ .. จึงมิได้เกิดขึ้นด้วยกำเนิดจากชาติ ตระกูลอย่างเดียว หากแต่จะต้องเกิดขึ้นด้วยอำนาจแห่งธรรม ที่เรียกว่า ราชธรรม อันมีถึง ๑๐ ประการ เพื่อเป็นที่เคารพ เชื่อมั่น เชื่อฟัง เชื่อถือของมหาชนในสังคมประเทศเขตแดนนั้น ๆ ตลอดจนนานาอารยประเทศ
การก่อร่างสร้างฐานความมั่นคงของประเทศชาติที่สืบเนื่องมา จึงต้องอ้างอิงสถาบันกษัตริย์ที่สืบเนื่องราชธรรมในการปกครองมหาชนมายาวนาน จนเป็นที่ยอมรับของหมู่ชนโดยธรรม ดุจดังประเทศของเรา..
แม้สังคมประเทศในโลกจำนวนมากที่เคยมีรากฐานการก่อร่างสร้างชาติมาจากสถาบันกษัตริย์ได้ล่มสลายไป บนเหตุปัจจัยภายใน-ภายนอกของประเทศนั้น ๆ .. แต่ในความเป็นจริงแล้ว ประชาชนในประเทศนั้น ๆ ยังระลึกถึงด้วยความภาคภูมิใจในสถาบันกษัตริย์ที่ครั้งหนึ่งเคยมีมา ที่สืบเนื่องประวัติศาสตร์ประเทศชาติมาตั้งแต่สมัยบรรพชน..
จึงไม่ต้องกล่าวถึงประเทศที่ยังมีสถาบันกษัตริย์ที่เข้มแข็ง มั่นคง ดังเช่นประเทศชาติของเรา ที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังมั่นคงในความกตัญญูรู้คุณในสถาบันกษัตริย์ เราจึงเห็นชาวไทยถวายความเคารพอันสูงสุดต่อจอมกษัตริย์ผู้ปกครองแผ่นดินในทุกสมัยถึงกาลปัจจุบัน ด้วยการกล่าวขานพระนามของพระองค์ท่านว่า “พระเจ้าแผ่นดิน”
คำว่า “พระเจ้าแผ่นดิน” หมายถึง ผู้เป็นใหญ่บนแผ่นดินนั้น อันเกิดขึ้นจากความรู้สึกแท้จริงของประชาชนทุกหมู่เหล่า ซึ่งนั่นเป็นนัยภายนอก.. แต่นัยภายในนั้น.. แท้จริง คำว่า แผ่นดิน หมายถึง ประชาชน.. คำว่า พระเจ้าแผ่นดิน จึงหมายถึง พระเจ้าผู้เป็นที่พึ่งของมหาชน.. หรือสมมติเทพผู้เป็นที่พึ่งของประชาชนบนแผ่นดินดังกล่าวนั่นเอง อันเป็นความสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณที่ยากยิ่งต่อการที่ใคร ๆ จะเพียรพยายามทำลายให้สูญสิ้นสลาย .. จากจิตใจของประชาชนผู้จงรักภักดีต่อจอมกษัตริย์หรือพระราชาผู้ทรงธรรมของหมู่ชนไปได้..
เราจึงเห็นประเทศชาติของเราพ้นวิกฤตการณ์มาได้ตลอดทุกสมัย.. ทั้งนี้ก็ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดจากจิตศรัทธาของมหาชนอันมีต่อสามสถาบันที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวไทยสืบเนื่องมายาวนานมากว่า ๗๐๐ ปี... จนก่อเกิดเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ขึ้นประจักษ์ในแผ่นดินไทยและชาวไทยผู้มั่นคงในวิถีธรรม .. ให้ดำเนินชีวิตไปอย่างมีความสงบสุขสืบมาแม้ถึงในวันนี้ !!
เจริญพร