‘ฮัวมู่หลาน’ กับ คุณธรรม 4 ประการ
ผมคิดว่า “มู่หลาน แซ่ฮัว” ควรเป็นเรื่องที่เด็กไทยรุ่นใหม่น่าจะได้ดู เพราะเนื้อหาน่าจะเข้ากับบรรยากาศของบ้านเมืองเราในทุกวันนี้
ท่านทั้งหลายอย่าเข้าใจผิดว่าผมมาเอาดีทางรีวิวหนังของดีสนีย์เรื่องล่าสุด ความจริงเด็กไทยรุ่นใหม่น่าจะรู้จัก “ฮัวมู่หลาน” ค่อนข้างดีมาก ผมเองสมัยเรียนหนังสือที่ฟลอริด้า ทุกวาเคชั่น เป้าหมายคือ “เมืองออร์แลนโด้” ที่ตั้งของดีสนีย์เวิรล รู้สึกว่าไปแล้วมีความสุขมากทั้งที่โตเป็นผู้ใหญ่อายุยี่สิบกว่าๆ เข้าไปแล้ว แต่สำหรับ “มู่หลาน” ภาคใหม่ที่ผมใช้เวลาขณะที่น้องๆ หนูๆ ทั้งหลายพากันไปเต้นรำร้องเพลงกันครึกครื้นที่ราชประสงค์ แอบไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้มา ได้อรรถรสอิ่มเอมใจอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง
ที่ผมคิดว่า “มู่หลาน แซ่ฮัว” ควรเป็นเรื่องที่เด็กไทยรุ่นใหม่น่าจะได้ดูเพราะเนื้อหาน่าจะเข้ากับบรรยากาศของบ้านเมืองเราในทุกวันนี้ วันที่มีภัยคุกคามประเทศและสังคมไทยรอบด้าน หลายเรื่องเป็นภัยที่มองไม่เห็นเพราะบางเรื่องสลับซับซ้อนเกินกว่าคนกำลังเรียนมหาวิทยาลัยหรือมัธยมจะเข้าใจได้ ผมเองผ่านช่วงเวลาที่เทสโทสเตอโรน และอาดีนารีล พุ่งพล่านมาก่อนพวกน้องๆ วันนี้ หลายสิบปี ผ่านเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมืองมานับครั้งไม่ถ้วนโดยไม่จำเป็นต้องอ้างตัวเองว่าเป็นคนเดือนใด พ ศ ใด เพราะวีรบุรุษของเรามีให้กล่าวถึงได้ทุกเดือนของปีปฎิทิน เมื่อย้อนกลับไปมองอดีตจึงเห็นว่า หลายเรื่องเราเคยเชื่อแบบฝังหัวอาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมด เพราะเราอาจมองปัญหาเพียงชั้นเดียว เราเห็นความรุนแรงทางการเมือง การเข่นฆ่าประหัตประหารกัน เราได้ฟังได้ยิน “คู่ขัดแย้ง” ออกมาแก้ตัว ก่นด่าประณามกันในเวลาที่สื่อโซเชียลอาจจะเรียกได้ว่าเป็น “วุ้น” หรือเป็นสิ่งไกลเกินจินตนาการ รับฟังแต่ข่าวหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ขาวดำจอใหญ่ไม่เกินยี่สิบนิ้ว
ผมเองไม่มองว่าฝ่ายรัฐหรือฝ่ายตรงข้ามรัฐดีกว่าหรือถูกต้องมากกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง การพูดเช่นนี้มิได้หมายความว่า กำลังพยายามสร้างภาพเผื่ออาจถูกเลือกเป็นกรรมการปรองดอง แต่เมื่อย้อนไปด้วยอายุด้วยวัยในขณะนั้น จำได้ดีว่า เราเชื่อหลายๆ เรื่อง แบบไม่มีข้อสงสัยหรือแม้จะตั้งคำถามเลยว่า เหตุใดจึงมีการใช้ความรุนแรงบดขยี้ห้ำหั่นกันทั้งที่เป็นคนไทยด้วยกันแท้ๆ และมักจะมองว่า ฝ่ายรัฐเป็น “ผู้ร้าย” และฝ่ายตรงข้ามรัฐเหมือนโดนรังแกเสมอๆ แต่เมื่อประมวลเหตุการณ์ปัจจุบันที่เห็นกระบวนการทางการเมือง ผ่านเลนส์หรือกล้องตัวใหม่ที่เรียกว่า “สื่อสังคมหรือโซเชียลมีเดีย” จึงไม่กล้ารีบด่วนสรุปอะไรง่ายๆ เหมือนเมื่อสามสี่สิบปีก่อนหน้านี้
สิ่งที่ได้จากการดู “ฮัวมู่หลาน” คือ ความมั่นใจว่าจะยุคใดสมัยใด คุณธรรมสี่ประการที่ภาพยนตร์ย้ำเน้นมาตั้งแต่ต้นยังต้องถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะร้อยรัดเป็นพลังผลักดันให้บ้านเมืองของเราเข้มแข็งมั่นคงยั่งยืนได้ด้วยความมั่นใจว่า จะไม่มีสิ่งใดมาบ่อนทำลายหรือแย่งชิงความแข็งแกร่งของเราไปได้โดยง่าย และยังเชื่อด้วยว่า ประเทศยิ่งใหญ่ทั้งสหรัฐอเมริกาหลายประเทศในยุโรป รวมทั้งผู้นำซีกโลกตะวันออกอย่างจีนหรือญี่ปุ่นในอดีตก็ใช้แนวทางการสร้างคุณธรรมทั้งสี่ประการนี้ในการนำชาติบ้านเมืองมาสู่จุดที่เขาเป็นทุกวันนี้ ได้แก่ ความภักดี ความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์สุจริต และความกตัญญูรุ้คุณ เขาใช้สิ่งเหล่านี้เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศมาแต่ต้น เพียงแต่เราอาจได้ยินหรือท่องแต่คำว่า “วินัย” กันกระทั่งชินชา ซึ่งจริงๆ แล้ว “ความีวินัย” ลึกๆ แล้วแฝงคุณธรรมทั้งสี่ประการนี้เข้าไว้ในตัวเอง
ถ้าจะ “หาว่า” หรือ “อย่าหาทำ (บอกแล้วว่าอย่าทำยังจะทำอีก)” ในแง่มาชวนปรับทัศนคติหรือ ถ้าอยากว่าแรงๆ แบบมาล้างสมองพวกเราก็ไม่ขัดข้อง แต่ประสบการณ์มีให้เห็นกับตัวเองไม่น้อยที่คนรุ่นหลังๆ มา คุณธรรมโดยเฉพาะข้อที่สี่หายากยิ่ง มันอาจเป็นเพราะโลกาภิวัตน์จากวัฒนธรรมฝรั่ง สมัยผมไปเรียนหนังสือ เคยหิ้วชะลอมจากเมืองไทยไปฝากอาจารย์ฝรั่งท่านหนึ่ง เขาตอกกลับมาว่า การให้ความรู้พวกคุณเป็นหน้าที่เขาจ้างมาไม่ถือเป็นหนี้บุญคุณอะไร เดี๋ยวนี้คนไทยจำนวนหนึ่งที่ผมสัมผัสในหลายสถาบันที่เป็น “คนรุ่นใหม่” ดูจะคิดคล้ายๆ แบบนี้ เรียนเสร็จแล้วแยกย้าย แม้แต่งานชุมนุมศิษย์เก่าตั้งโต๊ะรอแต่ละปีมีคนมาหรอมแหรม อาจด้วยแรงบีบคั้นทางเศรษฐกิจสังคมทำให้คนทุกคนต้องคิดถึงตัวเองก่อน ส่วนรวมค่อยว่ากัน ถ้าถามว่าอันตรายหรือไม่ ต้องบอกตามที่ตัวเองคิดตรงๆ ว่า อันตรายและน่ากังวลมาก เพราะเราเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ ฉบับที่กำลังจะมีการแก้ไข ไว้ชัดเจนถึงภาระหน้าที่ของพลเมืองที่มีต่อชาติบ้านเมืองเอาไว้ซึ่งสะท้อนคุณธรรมทั้งสี่ข้อนี้ไว้ ด้วยเห็นความหายนะของหลายแห่งในโลกนี้อันเนื่องด้วยการขาดการตระหนักและการบ่มเพาะเรื่องเหล่านี้
ได้เห็นจำนวนผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นน้องผู้หญิง ไม่อยากชี้นำให้เชื่อตามที่พูดถึง แต่ถ้าได้ดู “ฮัวมู่หลาน” ลองดูไป คิดตามไปว่ามีอะไรที่เราทำได้ หรือทำได้ยากอย่าง “มู่หลาน” ผู้มีความเสียสละสูงยิ่ง กระทั่งกลายเป็นไอดอลของใครหลายๆ คน บ้างหรือไม่ ถ้าเราคิดจะเปลี่ยนแปลงสังคมประเทศไทยของเรานี้ บางทีเราอาจต้องเริ่มที่ตัวเราเองก่อน