ตราสารอีทีเอฟแห่งปี 2020: ARK
ปี 2020 หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐที่ร้อนแรงสุดๆ ได้สร้างแบรนด์ของตราสารอีทีเอฟ ที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งเป็นเทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งอนาคต ชื่อว่า ARK Investment ให้ทุกคนในวงการได้พูดถึงแบบมากมาย โดยตราสารอีทีเอฟทุกตัวของ ARK ในปี 2020 มีอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ มากกว่า 1 เท่าตัวต่อปี จึงไม่น่าแปลกใจที่กระแสเงินลงทุนจึงไหลเข้ามาสู่ ARK ในปีนี้ มากเป็นอันดับ 3 รองจาก Blackrock และ Vanguard เพียงเท่านั้น
บทความนี้ จะขอพูดถึงจุดเด่นของ ARK และแน่นอนว่า จะขอพูดถึงจุดอ่อนสำหรับธีมการลงทุนที่เน้นแนวคิดเชิงนวัตกรรมของ ARK ในมุมมองของผม
ผมมองว่าจุดแข็งที่ ARK สามารถฉีกออกจากคู่แข่งที่เน้นการลงทุนในธีมคล้ายคลึงกัน ได้แก่ การที่ ARK ถือว่ามีการนำเสนอธีมการลงทุนตามแนวทางของเทคโนโลยีได้ทั้งกว้างและลึกไปพร้อมๆกัน ซึ่งบริษัทการลงทุนแนวเดียวกันเจ้าอื่นมักจะมีแต่เน้นความลึกมากกว่าความกว้าง
โดย ARK มองว่าเทคโนโลยีในไลน์ใหม่ที่จะมีอิทธิพลแบบรุนแรงเพียงพอเหมือนกับในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ซึ่งหมายถึงการมาถึงของโทรศัพท์ ยานยนต์ และ ไฟฟ้า ที่เกิดขึ้นพร้อมๆกัน ได้ทำให้ระดับผลิตภาพของโลกในตอนนั้นสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ในขณะที่ต้นทุนของการผลิตลดลงอย่างรวดเร็ว จนส่งผลให้อุปสงค์ของสินค้าเพิ่มขึ้นแบบล้นทะลักคลอบคลุมทุกรายอุตสาหกรรม โดย ARK ให้เกณฑ์ 3 ข้อในการที่จะตัดสินว่าเทคโนโลยีใดในขณะนี้ ว่าจะมีโอกาสจะก้าวมาเป็นจุดเปลี่ยนของเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคตไว้ ดังนี้
- ต้องสามารถต้นทุนลดลงแบบเยอะๆ เพื่อที่จะทำให้อุปสงค์เพิ่มขึ้นส่งต่อกันในอุตสาหกรรมต่างๆเป็นแบบระลอกคลื่น โดยเมื่อเทคโนโลยีได้ก้าวกระโดดผ่านจุดๆหนึ่ง ตลาดของสินค้าและบริการที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวก็จะเติบโตทั้งแนวกว้างและหลากหลายชนิดเป็นอย่างมาก โดย ARK ได้ใช้กฎของ Wright ที่ระบุว่ายิ่งสินค้าผลิตเยอะ ต้นทุนก็จะถูกลงอย่างรวดเร็วในการทำความเข้าใจขอบเขตของเทคโนโลยีที่เป็นจุดกำเนิดของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
2.เทคโนโลยีต้องสามารถตัดข้ามรายอุตสาหกรรมต่างๆในระดับที่มีนัยยะต่อเศรษฐกิจ จะทำให้ตลาดผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถตอบโจทย์ของลูกค้าหลายส่วนเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นการกระจายความเสี่ยงที่มีต่อความเสี่ยงด้านวัฏจักรธุรกิจ
3.ต้องสามารถทำหน้าที่เป็นเหมือนแพลตฟอร์มเพื่อเสริมสร้างนวัตกรรมใหม่ๆอีกมากมาย โดยแพลตฟอร์มนี้ จะส่งผลให้เกิดกรณีศึกษาที่จะนำไปใช้งานได้อีกมากอย่างที่หลายคนคาดไม่ถึง โดยความสำคัญของแพลตฟอร์มมักจะถูกตลาดประเมินค่าต่ำเกินไป โดยแพลตฟอร์มที่ดีนั้น จะส่งผลทำให้ได้สินค้าและบริการใหม่ๆอีกมากมายอย่างที่ไม่เคยมีใครคาดมาก่อน
โดยมี 4 เทคโนโลยีใหม่ที่ ARK มองว่าเข้าข่ายเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกตามเกณฑ์ดังกล่าว คือ
หนึ่ง ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ AI ซึ่งประกอบด้วย เครือข่ายแบบ Neural อุปกรณ์พกพาที่ติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ระบบคอมพิวเตอร์แบบคลาวด์ การสตรีมมิง และ Internet of Things โดยที่ ระบบการเรียนแบบ AI จะสามารถเปลี่ยนไม่เพียงแต่ธุรกิจค้าปลีก สื่อ และโทรคมนาคม ยังรวมถึงอุตสาหกรรมสาธารณสุขและการบริการการเงิน ที่ในอดีตไม่โดนผลกระทบเชิงลบจากเทคโนโลยีใหม่ๆ
สอง การเก็บพลังงาน (Energy Storage) โดยการลดลงของต้นทุนผลิตแบตเตอรี่ จะสามารถสร้างอุปสงค์ใหม่ๆของพลังงานไฟฟ้า รวมถึงการทดแทนเชื้อเพลิงแบบฟอสซิลด้วยการลดอัตราการไม่ทำงานของระบบไฟฟ้าแบบเครือข่าย รวมถึงลดต้นทุนด้านปฏิบัติการ และลดการใช้อุปกรณ์การส่งและกระจายไฟฟ้าให้น้อยลง โดยเทคโนโลยีนี้ประกอบด้วย ระบบแบตเตอรี ยานยนต์ไฟฟ้า และยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง
สาม หุ่นยนต์ (Robotics) โดยความก้าวหน้าของซอฟต์แวร์และตัวตรวจจับหรือที่เรียกกันว่าเซนเซอร์ จะสามารถทำให้หุ่นยนต์สามารถทำงานได้ในทุกสภาวะแวดล้อม โดยต้นทุนต่อหน่วยจะลดลงมากกว่าร้อยละ 50 ในขณะที่ความสามารถในการทำงานก็จะเพิ่มขึ้น โดยหุ่นยนต์สามารถที่จะเปลี่ยนธุรกิจที่เน้นพึ่งพาระบบทางกายภาพและกระบวนการได้ดีเป็นอย่างมาก โดยเทคโนโลยีนี้ ประกอบด้วยหุ่นยนต์แบบ Adaptive ระบบการพิมพ์แบบ 3 มิติ โดรน และจรวดที่นำกลับมาใช้งานซ้ำได้
ท้ายสุด การเรียงลำดับของ DNA จากการที่ต้นทุนของระบบเทคโนโลยีด้านยีนของมนุษย์ลดลงอย่างรวดเร็ว การเรียงลำดับ DNA (DNA Sequencing) ที่ครั้งหนึ่งเคยจำกัดเฉพาะที่ห้องปฏิบัติการ ก็สามารถนำมาใช้จริงในคลินิกและโรงพยาบาล ส่งผลให้ปริมาณการใช้งานเทคโนโลยีนี้ได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยเท่า ทำให้ระบบสาธารณสุขเปลี่ยนโฉมไปอย่างรวดเร็ว โดยเทคโนโลยีนี้ ประกอบด้วย เทคโนโลยีเรียงลำดับ DNA การตัดต่อยีน และการรักษาระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
อย่างไรก็ดี จุดอ่อนของกองทุนที่เน้นเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่าง ARK ผมมองว่ามีอยู่ 4 ประการ ได้แก่
- หุ้นเทคโนโลยีในช่วงที่ตลาดหุ้นขาลงจะลงแรงกว่าเพื่อน ซึ่งในจังหวะนั้น ARK ก็ยากจะหนีความจริงนี้พ้น
- ปัจจัย ’ด้านการเมือง’ ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยที่ใช้พิจารณาในกรอบการวิเคราะห์ของ ARK น่าจะทำให้การวิเคราะห์ไม่สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมวดการลงทุนสกุลเงิน cryptocurrency
- อุตสาหกรรมที่ ARK เลือกว่าจะเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต มีอยู่กว่า 20 อุตสาหกรรม ซึ่งต้องมีทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ในแต่ละอุตสาหกรรม คำถามคือ ARK ไม่ได้ช่วยเลือกว่าจะตัดอุตสาหกรรมใดออกจากความสนใจของตนเอง
- ช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำอย่างปี 2020 ไม่แปลกที่หุ้นเทคโนโลยีแบบใหม่ๆจะได้ประโยชน์จากต้นทุนที่ต่ำ ทว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า หากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น จะส่งผลต่อ ARK อย่างไร
ที่สำคัญ ผมยังไม่แน่ใจว่าหุ้นเทคโนโลยีในอนาคต จะยังสามารถทำผลประกอบการที่ดีเหมือนในช่วงโควิดที่มีธีม Work from Home เป็นตัวช่วยได้หรือไม่
นอกจากนี้ แม้ว่า ARK จะบอกว่าตนเองเป็นบริษัทด้านการลงทุน ที่มีการทำงานโดยใช้ทีมเวิร์คสไตล์แบบธีมเพื่ออนาคต ทว่าก็มี แคเธอลีน วู้ดส์ เบอร์ 1 ของ ARK ที่มีบทบาทในการเลือกหุ้น ซึ่ง ณ ตอนนี้ มีหุ้นทั้งหมดไม่ถึง 50 ตัวอยู่ในพอร์ตลงทุนของ ARK นั้น ทำให้เธอได้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในวงการการลงทุนในปี 2020 ไปแล้ว
อย่างไรก็ดี ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา อาจจะยกเว้น ปีเตอร์ ลินช์ เพียงคนเดียวเท่านั้นซึ่งก็ได้อำลาวงการไปแล้ว แทบไม่มีใครที่สามารถเลือกหุ้นได้ชนะตลาดได้เป็นเวลามากกว่า 10 ปีติดต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กูรูนักเลือกหุ้นไม่ว่าจะเก่งขนาดไหน แม้กระทั่ง วอร์เรน บัฟเฟตต์เอง ก็ไม่สามารถที่จะชนะตลาดได้แบบต่อเนื่องดังเช่นในอดีต