‘ภาพเดียว’ เปลี่ยนโลกได้
สังคมของเราถูกหล่อหลอมหรืออาจด้วยความที่คนไทยเรามี 'จิตใจอ่อนโยน' เลยกลายเป็น 'เหยื่อ' หรือ ถูกคนเอารัดเอาเปรียบได้ง่าย
บางคนอาจ“รู้เท่าทัน” แต่บางทีในเชิงจิตวิทยาเขาว่า การที่ทั้งรู้ก็ยังยอมให้โดนหลอกหรือก้าวเข้าไปในสิ่งที่รู้ทั้งรู้ว่าความเป็นไปได้มันน้อยมาก เช่น การพนัน หรือการเล่นหวยเสี่ยงโชคต่างๆ ก็เพราะเป็น “กลไกทางจิตใจ” ที่จะช่วยบอกตัวของเราว่า ถึงมันจะทุกข์หรือเจออะไรหนักๆ เราก็ยัง “มีความหวัง” แม้จะเป็นหวังแบบลมๆ แล้งๆ เพราะมนุษย์มีชีวิตอยู่ได้ด้วยยังมีความหวัง
ผมเป็นคนที่ให้ความนับถือพระพุทธศาสนาตามพระธรรมคำสอนที่ทรงให้พุทธศาสนิกชนเชื่อในเรื่องต่างๆ อย่างมีเหตุผล ด้วยหลัก “กาลมสูตร” ที่เคยย้ำเน้นกับท่านทั้งหลายมานานมากแล้ว มั่นใจว่าทราบดีเป็นส่วนใหญ่ว่าประกอบด้วยสิ่งใดบ้างในการที่คนเราจะเชื่อถือศรัทธาในสิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่วันนี้เราเห็นโฆษณาขายอาหารเสริมในทีวี ขายยาชูกำลัง นำเครื่องรางของขลังมาจัดจำหน่ายผ่านสื่อต่างๆ อย่างกับว่า เราไม่มีใครมาคัดกรอง ตรวจสอบอะไรให้กับผู้บริโภคเลย ทั้งที่เรามีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากมาย แต่อาจมีข้ออ้างเดิมๆ ว่า เจ้าหน้าที่ไม่พอ หูตาไม่เป็นสับปะรด ทำให้ผ่านหูผ่านตามาได้ ในขณะที่มีการร่างรัฐธรรมนูญ เคยมีการพูดคุยกันมากที่ต้องการให้ “เจ้าหน้าที่รัฐ” ซึ่งมีจำนวนมากและมีศักยภาพที่จะทำสิ่งดีงามให้กับสังคมได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องทำงาน “เชิงรุก” ไม่ใช่ต้องรอคอยหรือปล่อยให้มีการแจ้งความหรือกล่าหากล่าวโทษกันทุกครั้งเสมอไป แต่ถึงเวลาก็ยัง “เกียร์ว่าง” เพราะคิดถึงตัวเองมาก่อน
จึงเป็นสาเหตุให้ต้นน้ำลำธาร ป่าไม้ กระทั่งรีสอร์ทรุกสถานที่สำคัญต่างๆ หรือกระทั่งการละเมิดสิทธิหรือการหลอกลวงผู้บริโภคในบางกรณีที่กล่าวถึง ก่อให้เกิดความเสียหายเลยเถิดไปกระทั่ง แม้จะได้ผืนป่า แม้จะดำเนินคดีกับ “วายร้าย” ได้ การเยียวยาย้อนหลังก็แทบจะไม่คืนสภาพอันเป็นปกติหรือคืนในสิ่งที่เสียไปกลับคืนมาได้ดังเดิม รวมทั้งยังเป็น “ช่องทางทำมาหากิน หรือช่องทางทำความร่ำรวย” ให้กับคนที่เป็นมองเห็นช่องโอกาสเหล่านี้ เนื่องด้วย การเชื่อถือด้วยความรักความศรัทธา เราได้เห็นมานักต่อนักแล้วว่า เพียงเพราะคนเล่าให้ฟังมีความน่าเชื่อถือเป็นคนที่มีคนรักใคร่คนเคารพยกย่องมีฐานะตำแหน่งสถานภาพในสังคม คนก็เฮโลสารพาเชื่อตามๆ กัน โอนกันไวด้วย คร่ำครวญบีบน้ำตากันแป๊บเดียว เงินเข้าบัญชีเป็นหลักล้านบางรายหลายสิบล้าน แม้แต่เรื่อง “โควิด” ทำพวกเราเกือบเซ เพราะมีนักวิชาเกินดาหน้ากันออกมาให้ข้อมูลผิดๆ ถูกๆ แล้วบางคนก็ยังออกมาปกป้องเพราะเป็นคนที่ฉันรักฉันชอบ จะถูกจะผิดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมายืดยาว ต้องการให้ท่านทั้งหลายเห็นว่า “ภาพเดียว หรือ ภาพที่เรามองเห็นด้านเดียว” อาจทำให้เราเข้าใจอะไรผิดๆ ได้ ในขณะเดียวกัน เมื่อได้เห็นภาพด้านดีแล้ว เมื่อวันหนึ่งมาพบภาพบางด้านที่อาจไม่เป็นที่สบอารมณ์ หรืออาจไปทำลายความรู้สึกดีๆ กับความคาดหวังที่เปี่ยมล้นไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ก็ควรถือเสียว่าเป็นความโชคดีของเราที่เรามีโอกาสได้เห็น “ภาพแห่งความจริง ภาพอันเป็นตัวตนที่ไม่ใช่ภาพหลอนให้เราหลงเชื่อหรือศรัทธาแบบไร้เงื่อนไขอีกต่อไป”
ผมเชื่อว่าในระยะนี้และคงอีกไม่นานมากนักที่เราจะได้เห็น “ภาพความจริงบางอย่าง” ของคนบางคนปรากฏชัดยิ่งขึ้น เพราะมี “ภาพเด็ดภาพเดียวที่สะท้อนตัวตนคนบางคนออกมา” ก็ให้ท่านทั้งหลายที่มีศรัทธาปะสาทะ เผื่อใจเอาไว้บ้าง ถ้าไม่เป็นจริงตามการคาดเดาของสื่อกับนักวิพากษ์วิจารณ์บางส่วนก็อนุโมทนาในบุญกุศลศรัทธาที่ท่านทั้งหลายคงทำบุญทำกุศลกันไว้มาก จึงได้พบปะเลื่อมใสกับสิ่งดีงามหรือต้องถือว่า โชคดีเหลือเกินได้เจอ “เพชรแท้” ส่วนจะ “แท้หรือเทียม” ให้เป็นเรื่องของผู้เกี่ยวข้องจะออกมาให้ความจริงในเวลาอันเหมาะสม
ยังจำได้ดีว่า ในช่วงที่จะมีการ “ยุบพรรคการเมืองบางพรรค” เวลานั้นมีคนถามไถ่ผมมาเยอะว่า จะยุบหรือไม่ ผมเองไม่ใช่ตุลาการหรือเจ้าของคดีจะไปทราบได้อย่างไร จึงซักถามผู้รู้ทั้งวงนอกวงในหลายท่าน แต่ได้คำตอบหนึ่งที่เชื่อว่า บางท่านอาจเคยได้ยินผ่านสื่ออยู่บ้างประมาณว่า “ผิดน่ะผิด แต่จะใช้ยาแรงก็กลัว เขาจะมาเล่นข้างนอก ให้อยู่ข้างในเรารู้เราเห็นน่าจะดีกว่า” ผมได้ยินคำตอบแบบนี้แล้ว หวั่นไหวมาก แต่ในที่สุดท่านทั้งหลายคงเห็นแล้วว่า “ความกลัวนำมาซึ่งความเสื่อม” จริงๆ ดังคำโบราณว่าไว้ เราได้เห็นแล้วว่า แม้จะเอื้อเฟื้อถนอมน้ำใจกันปานใด แต่ด้วย “กิเลสของความเป็นมนุษย์” ไม่เคยทำให้มนุษย์คิดได้เอง มักจะต้องให้ “กรรม” นั้น ส่งผลกลับมาด้วยผลแห่งการกระทำนั้นเสมอจึงอาจจะฉุกคิดได้
ผู้ร้ายหลายคนไม่ยอมรับสารภาพ หรือรู้สึกสำนึกในการกระทำผิด ระบบราชทัณฑ์ในหลายประเทศจึงมองว่า น่าจะไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหา ด้วยลงโทษแล้วก็ยังทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า การประหารชีวิตในบางประเทศจึงยังเลิกไม่ได้ ที่เขียนมาก็เพื่อให้ “คนไทย” ได้ “ตื่นรู้” ให้ได้สมดังเจตนารมณ์ของพระพุทธศาสนาที่เมื่อเราหากเป็น “ชาวพุทธ” แท้จริงแล้ว สมควรจะต้องเป็น “ผู้ตื่นรู้” รู้ให้เท่าทันเล่ห์เพทุบาย การเอารัดเอาเปรียบ และไม่ควรอ่อนไหวแกว่งไกวไปตาม “กระแส” หรือความเชื่อถือศรัทธาอย่างไร้ขอบเขตและเหตุผล ถ้าเป็นพุทธแล้วต้องเป็น “พุทธแท้”