ระวัง “ท่องเที่ยวล้างแค้น” | วรากรณ์ สามโกเศศ

ระวัง “ท่องเที่ยวล้างแค้น” | วรากรณ์ สามโกเศศ

หากการระบาดคลี่คลายลงในปี 2022 ดังที่คาดการณ์กันก็น่าจะเกิดปรากฏการณ์ Revenge Tourism (ท่องเที่ยวล้างแค้น) ดังที่มีการกล่าวถึงกันในสื่อต่างประเทศในปัจจุบัน

มนุษย์มักมีพฤติกรรมที่ไปสุดโต่งเสมอหลังจากที่รู้สึกถูกปิดกั้น  ถูกห้าม  ถูกกีดกัน อดอยาก ฯลฯ   ดังเช่นหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่คนในโลกขาดชีวิตที่เป็นปกติ ขาดสิทธิเสรีภาพในการดำเนินชีวิตอย่างมาก  ไม่อาจเดินทางไปมาพบหากันได้อย่างปกติ ผลพวงที่เกิดขึ้นก็คืออัตราการเกิดของประชากรที่พุ่งสูงขึ้นมากในโลก เกิดพวก Baby Boomers (อย่างเช่นผู้เขียนและเพื่อนๆ) 

อีกตัวอย่างคือสาธารณรัฐประชาชนจีนหลังจากเปิดประเทศอย่างจริงจังในยุค 1980 โดยผ่านการเป็นสังคมคอมมูนิสต์และการปฏิวัติวัฒนธรรมมาก็เกิดการบริโภคที่สูงขึ้นในทุกเรื่องดังที่เรียกกันว่า Revenge Consumption (บริโภคล้างแค้น)   คนจีนเป็นพวก New Rich ที่ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า และเดินทางไปทุกหนแห่งที่ไปได้ตลอด 20-30 ปีผ่านมา

การระบาดโควิด-19 ทำให้ช่วงปี 2019-2020 และเกือบทั้งปีของ 2021 เป็นเวลาแห่งการปิดกั้นความปรารถนาบริโภคของมนุษย์โลกส่วนใหญ่   หากการระบาดคลี่คลายลงในปี 2022 ดังที่คาดการณ์กันก็น่าจะเกิดปรากฏการณ์ Revenge Tourism (ท่องเที่ยวล้างแค้น) ดังที่มีการกล่าวถึงกันในสื่อต่างประเทศในปัจจุบัน
อ่านข่าว : "5 สถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก" ที่มีผู้ค้นหามากที่สุด

กรณีตัวอย่างคือสหรัฐอเมริกา   ขณะนี้รัฐบาลและคนอเมริกันดูจะเลิกกลัวโควิด-19 แล้ว   เศรษฐกิจขยับตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว คนอเมริกันผู้มีเงินรู้สึกอึดอัดใจที่ไม่อาจเดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศได้ดังที่เคยชิน (คนยิ่งรวยมากมักยิ่งอึดอัดใจมาก) ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา  ที่พอทำได้ก็คือหันมาซื้อของออนไลน์ราวกับแค้นเคืองกันมานานปี (ซื้อล้างแค้น) จนธุรกิจขนส่งทางเรือบูมสุด ๆ   ค่าขนส่งพุ่งสูงขึ้น  เรือขนสินค้าวิ่งกันพล่านโลก    ต้องคอยขนสินค้าขึ้นฝั่งตะวันตกของอเมริกานานวันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน    ดังนั้นเมื่อท้องฟ้าเปิดจะได้ท่องเที่ยวจึงเตรียมตัวกันขนานใหญ่

งานวิจัยด้านการตลาดพบว่าการระบาดของโควิด-19 ไม่ทำให้ความปรารถนาเดินทางท่องเที่ยวของคนอเมริกันลดน้อยลงและมีพฤติกรรมการวางแผนเดินทางที่คล่องตัวขึ้น  

Harris Poll ในการสำรวจเมื่อกลางปี 2021พบว่าจากตัวอย่าง 2,500 คน   นักท่องเที่ยวอเมริกันปรารถนาจะเดินทางมากขึ้น อย่างสวนทางกับความรุนแรงของวิกฤตการระบาด   ยิ่งเป็นรัฐที่ถูกกระทบมากเท่าใดยิ่งมีคนระบุว่าต้องการท่องเที่ยวในช่วงเวลา 4 เดือนต่อไปมากเท่านั้น  ถึงแม้จะกังวลเรื่องประเด็นความเสี่ยงด้านสุขภาพ แต่ก็ต้องการเดินทางไปพบปะครอบครัว  ญาติมิตร   เพื่อนฝูง  โดยเฉพาะต้องการบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ

คนจีนก็เช่นเดียวกัน ในขณะที่รัฐบาลยังไม่อนุญาตให้เดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศ  คนจีนก็เที่ยวในประเทศกันมากขึ้นโดยจำนวนผู้โดยสารเครื่องบินในประเทศในปัจจุบันกลับมาอยู่ในระดับ 60-70% ของระดับก่อนหน้าการระบาด 

จากสองตัวอย่างข้างต้น   นักวิเคราะห์การท่องเที่ยวในระดับโลกเชื่อกันว่าขณะนี้ประชาชนที่มีเงินในหลายประเทศอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมตัว “ท่องเที่ยวล้างแค้น”

ในกรณีของประเทศไทย    ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ศึกษารูปแบบการท่องเที่ยวของไทยหลังโควิดและยุทธศาสตร์ใหม่ที่เหมาะสมของภาคการท่องเที่ยวไทยไว้อย่างน่าสนใจ (ข้อสรุปและรายงานตัวจริงหาได้จากอินเทอร์เน็ต) โดยพบว่าหลังโควิดจะมี 3 ทางโน้มของการท่องเที่ยวในระดับโลกที่ไทยก็น่าจะเหมือนกันท่ามกลางความตื่นตัวในเรื่องสุขภาพและสาธารณสุข ดังนี้      

(1) การท่องเที่ยวจะมีลักษณะเป็นแบบ “ช่องตลาด”  กล่าวคือไม่เป็น “แบบโหล” อีกต่อไป  จะมีนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มเล็ก ๆ หรือคนเดียวท่องเที่ยวแบบอิสระ  สนใจการท่องเที่ยวธรรมชาติ (อากาศโปร่ง) ท่องเที่ยวที่มีชุมชนเป็นฐาน  รวมถึงท่องเที่ยวเพื่อรักษาการป่วยไข้ (medical tourism)         

(2) การท่องเที่ยวที่ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย   ท่องเที่ยวในภูมิภาคใกล้เคียงและในประเทศเพิ่มขึ้น   หลีกเลี่ยงสถานที่ท่องเที่ยวที่แออัด และจะนิยมไปสถานที่ท่องเที่ยวกลางแจ้งที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก   เน้นเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย   

(3) Digitalization การเดินทางที่มีการสัมผัสน้อยลง  ท่องเที่ยว “เสมือน” มากขึ้น (ไปสถานที่ท่องเที่ยวจำลอง หรือเสมือนในโลกไซเบอร์)  การจ่ายเงินแบบไร้สัมผัส  มีระบบเข้าคิวชนิดออนไลน์   การให้บริการข้อมูล    การใช้บริการความปลอดภัยผ่าน platform (ตัวอย่างของสิ่งที่เรียกว่า platform ได้แก่ Line / Facebook / Google)   ข้อสรุปแนวโน้มข้างต้นมาจากการสำรวจข้อมูลในปลายปี 2020 ของ 14 ประเทศใน  Asia Pacific ซึ่งรวมประเทศไทยด้วย

คำถามที่อยู่ในใจก็คือหากปรากฏการณ์ “เที่ยวล้างแค้น” มีอยู่จริงในสองสามปีแรกโดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน 10 ล้านคน  ทางโน้มของไทยจะเป็นไปตาม 3 ทางโน้มข้างต้นหรือไม่  และประการสำคัญไทยจะรับมือกับการ “ล้างแค้น” ครั้งนี้และต่อไปกันอย่างไร
   
เดือนพฤศจิกายน และธันวาคม 2021 เป็นเดือนแห่งความตื่นเต้นและการลุ้นสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ในบ้านเรา    การเร่งฉีดวัคซีนเพื่อช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นจะแข่งกับทางโน้ม “กล้าสุ่มเสี่ยง” มากขึ้นของคนไทยเพราะความมั่นใจและย่ามใจกับการฉีดยาแล้วจนลดการ์ดลง  ใส่แมสก์กันน้อยลง ดื่มกินกันอย่าง “ล้างแค้น” หลังจากที่ถูกห้ามมานาน   ผลที่จะออกมาน่าตื่นเต้นเป็นอันมาก   หลายประเทศก็ทำแบบเดียวกันเพราะการ “ยอมแพ้” โควิดไปเรื่อย ๆ นั้นไม่ต่างอะไรจากการฆาตกรรมปากท้อง

ขึ้นปีใหม่ 2022 การแข่งขันนี้ก็ยังไม่จบ การ “ล้างแค้น” ของนักท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศจะมากขึ้นเป็นลำดับในสองสามปีข้างหน้าหากไม่เกิดการระบาดระลอกใหม่ที่รุนแรงในโลกขึ้น อย่างไรก็ดีเชื่อได้ว่ากลุ่มหนึ่งของพวก “ล้างแค้น” เหล่านี้ไม่น่าจะมีพฤติกรรมของ 3 แนวโน้มข้างต้นมากนัก

การ “กินล้างแค้น” และ “ช็อปปิ้งล้างแค้น” จาก “ท่องเที่ยวล้างแค้น” เป็นผลดีต่อพ่อค้า  แม่ขาย และธุรกิจโดยทั่วไปแต่ถ้าเราเพลิดเพลินกับมันเกินไปจนไม่ตระหนักว่าทางโน้ม 3 ประการนั้นจะมาอย่างจริงแท้ในที่สุดแล้ว  การท่องเที่ยวของเราก็จะเสียหายในระยะต่อไปเพราะขาดการเตรียมปรับตัว

“ท่องเที่ยวล้างแค้น” เป็นเรื่องที่ดีเพราะช่วยฟื้นเรื่องปากท้องในสังคมไทยได้อย่างรวดเร็ว  แต่การหลงใหลอย่างไม่ตระหนักว่ากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของภาคการท่องเที่ยวขึ้นในระดับโลกแล้วก็เท่ากับว่าเรากำลังขอยืมเวลามาใช้อย่างแท้จริง.