การเริ่มต้นและ 3 บทเรียนมือใหม่ลงทุนคริปโท | ทิวัตถ์ ชุติภัทร์
เมื่อประมาณวันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผมได้ทำโพลล์เล็กๆ ของตัวเองขึ้นมาใน Instagram นั่นก็คือผมมีบทความที่ตัวเองอยากจะเขียนอยู่ทั้งหมดสองบทความ
อันแรกเกี่ยวกับเรื่องของ ภาษี ว่าการที่ธนาคารไทยพาณิชย์เข้าไปซื้อกระดานเทรดคริปโทฯ ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยอย่าง บิทคับ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และรัฐไทยจะเข้ามาเก็บภาษีคริปโทฯ ได้อย่างไร รวมไปถึงวิธีการที่มหาเศรษฐีในสหรัฐอเมริกาหลบเลี่ยงภาษีอย่างไร
อันที่สองคือ บทเรียนที่ผมได้เรียนรู้จากการเทรดคริปโทฯ ในรอบ 1 ปีกว่าๆที่ผ่านมา มีอย่างไรบ้าง
ตัวที่ผมได้กำไรมากที่สุด ได้ไปถึง 11 เด้งเลยทีเดียว ส่วนตัวที่ขาดทุนมากที่สุด ผมขาดทุนไปถึง 97% เลยทีเดียว แต่รวมๆแล้วผมได้มาทั้งหมดประมาณ 35 เด้งจากโลกคริปโทฯ และ ได้มาอย่างต่ำๆ 1 เด้งจากทั้งหมด 18 เหรียญ
ผลปรากฏว่า บทความเกี่ยวกับคริปโทฯ คนอยากให้พูดถึงมากกว่า ผมก็เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังว่าผมได้รับบทเรียนอะไรบ้างนะครับ
ก่อนอื่นผมอยากเล่าที่มาที่ไปที่ผมเข้ามาสู่ตลาดนี้ให้ฟังกันก่อนนะครับ ผมเข้ามาในตลาดนี้ช่วงประมาณเดือนพฤษภาคมปี 2563 ในตอนนั้นผมเองก็รู้จักเพียงแค่เหรียญ บิทคอยน์ ที่ตอนนั้นอยู่ที่ประมาณ 200,000 กว่าบาท ซึ่งคนที่แนะนำผมเข้ามาในตลาดนี้คือ พ่อของผมเอง นั่นก็คือ ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์ ผู้อำนวยการโครงการอบรมนักลงทุน CSI
ผมซื้อบิทคอยน์ไปประมาณ 100,000 บาท
สิ่งที่ชอบตอนนั้นคือ ผมสามารถทำกำไรหรือขาดทุนแม้กระทั่งตอนนอนหลับ ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำได้เพียงแค่ตลาดนี้ตลาดเดียว เพราะว่าตลาดคริปโทฯ เปิดตลอด 24 ชั่วโมงและ 7 วันต่อสัปดาห์ ไม่เหมือนตลาดหุ้นหรือตลาดสินทรัพย์โภคภัณฑ์ ผมเริ่มต้นด้วยการลงทุนในบิทคอยน์ตัวแรก
ก่อนที่ทุกวันนี้ผมลงทุนเหรียญไปทั้งหมด 33 เหรียญครับ โดยที่ได้กำไรไปทั้งหมด 21 เหรียญในตอนนี้ และขาดทุนไปทั้งหมด 12 ตัว ถึงแม้ว่าผมขาดทุนทั้งหมด 12 ตัว แต่สิ่งที่ดีคือว่าตัวที่ผมขาดทุนเป็นตัวที่ผมลงทุนน้อย และ ตัวที่ผมกำไร ผมลงทุนเยอะครับ มันเลยไม่ได้มีปัญหาอะไรในการลงทุน
ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี สิ่งที่ผมถามนักเรียนทุกคนที่มาเรียนกับผมคือ สิ่งที่คุณอยากได้จากการลงทุนในคริปโทคืออะไร ซึ่งผมจะมีอยู่ประมาณ 3 อย่างคือ
1. เพื่อที่จะเอาไว้เก็บออม หรือ การเก็บไว้สำหรับการเกษียณอายุ ซึ่งถ้าเป็นเรื่องนี้ผมก็จะให้นักเรียนลงทุนใน 3 ตัวหลักคือ Bitcoin Ethereum และ BNB
2. เพื่อที่จะเอาไว้ได้กระแสเงินสด หรือ สิ่งที่เขาเรียกกันว่า passive income คือเอาเหรียญของเราไปฝากไว้บนโลกของ DeFi พูดง่ายๆเหมือนการเอาเงินของคุณไปฝากธนาคารแล้วได้ดอกเบี้ยกลับมา แต่ธนาคารทุกวันนี้ได้ดอกเบี้ยประมาณ 0.75-1.50% เท่านั้น แต่ในโลกของ DeFi เราสามารถได้ดอกเบี้ยตั้งแต่ประมาณ 6-7% จนไปถึงมากกว่า 100% เลย
3. คือการลงทุนเพื่อที่จะได้ผลกำไรกลับมา หรือ capital gain ซึ่งผมจะแนะนำให้ศึกษาเหรียญที่อยู่อันดับประมาณ 20 ถึง 200 ใน CoinMarketCap เพื่อหาว่าเหรียญไหนที่น่าลงทุนบ้าง และอาจจะดูจากอุตสาหกรรมที่เหรียญนี้อยู่
เช่น Metaverse ก็จะมีเหรียญอย่าง SAND MANA หรือ AXS ที่ขึ้นมาในช่วงหลังๆ ครับ ซึ่งเมื่อผมกระจายความเสี่ยงหรือจัดสินทรัพย์ ตอนนี้ผมซื้อ 3 เหรียญหลักหรือเก็บไว้สำหรับวันที่จะเกษียณไว้ที่ประมาณ 50% เก็บไว้สำหรับทำกำไรประมาณ 30% และ เก็บไว้เพื่อให้ได้ passive income อยู่ที่ประมาณ 20%
สิ่งที่ได้เรียนรู้และอยากเตือนนักลงทุนทุกคนคือ พอคุณเข้ามาในตลาดนี้ผมอยากให้คุณจดเหตุผลว่า ทำไมคุณถึงซื้อหรือขายเหรียญคริปโททุกตัวที่คุณซื้อ
เพราะเนื่องจากว่าตลาดนี้ถ้าใครเคยลงทุนในตลาดหุ้นมาก่อนจะค้นพบว่า มันมีความผันผวนกว่าตลาดหุ้นค่อนข้างมาก ดังนั้น เวลาที่ตลาดทิ้งตัวลง ถ้าคุณจดไว้ว่า ทำไมคุณถึงซื้อตั้งแต่แรก คุณจะได้ไม่ตื่นตระหนกจนขายเหรียญของคุณโดยที่คุณไม่ได้ตั้งใจ
สิ่งถัดมาที่ผมอยากให้เป็นบทเรียนคือ ผมไม่เคยเล่นตลาด Futures ของคริปโทฯ เลย เพราะว่าการที่คุณเล่น Futures นั่นมันสามารถทำให้คุณเสียมากกว่า 100% กับเงินที่คุณลงทุนไป ซึ่งถึงแม้ว่าคุณอาจจะพูดได้ว่าการลงทุนในตลาด Futures ก็อาจจะทำให้คุณได้หลายเด้งจากการลงทุนในคริปโทฯ แต่การที่คุณจะได้คริปโทฯ หลายเด้งนั้น เป็นเรื่องที่ง่ายมากในตลาดนี้
ผมมีเหรียญคริปโทฯ บางเหรียญที่ซื้อเพียงไม่ถึงสัปดาห์ก็สามารถได้ 1 เด้งเป็นอย่างต่ำ การลงทุนในตลาด Futures จึงไม่มีความจำเป็น
สุดท้ายนี้ที่ผมอยากฝากไว้กับผู้อ่านทุกท่านคือ การลงทุนในตลาดคริปโทฯ ค่อนข้างแตกต่างจากการลงทุนในตลาดหุ้น การลงทุนในคริปโทฯ นั้น จังหวะซื้อสำคัญกว่าจังหวะขาย แต่ในตลาดหุ้นนั่นจังหวะขายสำคัญกว่าจังหวะซื้อ เพราะว่าในตลาดหุ้นโอกาสการทำกำไรในตลาดหุ้นมีน้อยกว่าในคริปโทฯ ค่อนข้างมาก เวลาที่หุ้นขึ้นมาแล้วแล้วคุณไม่ฉกฉวยโอกาสในการทำกำไร คุณอาจจะไม่มีโอกาสนั้นอีกเลย
เพราะการที่เราจะได้กำไร 10-20% ในตลาดหุ้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ในคริปโทฯ การได้กำไร 1-2 เด้งคือเรื่องปกติ
ดังนั้นแล้วจังหวะซื้อจึงสำคัญ เหรียญเดียวกันแต่ซื้อกันคนละช่วง อาจจะแตกต่างเด้งถึงสองเด้งเลยทีเดียว สุดท้ายนี้ผมอยากฝากไว้กับคำพูดคลาสสิคเวลาลงทุนอะไรก็ตามคือ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจครับ.