เดิน....เดิน...เพื่อชีวิต | วรากรณ์ สามโกเศศ
เห็นข้อเขียนหนึ่งในอินเทอร์เน็ตเรื่องการเดินแล้วโดนใจมาก จึงไปค้นบทความของผู้เขียนเองเมื่อหลายปีก่อนเรื่อง “ฆาตกรชื่อเก้าอี้” มาดูก็พบว่าสอดคล้องกันดีจึงขอเอาข้อมูลบางส่วนมาเสริมข้อเขียนดังกล่าวในวันนี้
ผู้คนมักเข้าใจว่าปืนและมีดคือเพชรฆาตแต่หากพิจารณาไปแล้วก็จะเห็นว่าฆาตกรตัวสำคัญที่มาแบบเงียบ ๆ โดยนำไปสู่โรค NCDs ก็คือการมีพฤติกรรมเนือยนิ่ง ไม่เคลื่อนไหวร่างกายแบบกระฉับกระเฉง การเดินคือพื้นฐานของการเคลื่อนไหวร่างกายที่สำคัญยิ่ง
NCDs คือ กลุ่มโรคที่ไม่ติดต่อหากเรื้อรังอันได้แก่ เบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคไตเรื้อรัง โรคมะเร็งต่าง ๆ โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคอ้วน โรคตับแข็ง โรคสมองเสื่อมซึ่งรวมกันแล้วเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตกว่าร้อยละ 80
นิตยสาร Scientific American ปี 2014 ระบุว่างานวิจัย 18 ชิ้น ซึ่งครอบคลุมประชากรทั้งหมด 800,000 คน สรุปตรงกันว่าการนั่งเป็นปัจจัยสำคัญของการเกิดโรค งานชิ้นหนึ่งพบว่าการนั่งมากกว่าครึ่งวันในแต่ละวันทำให้ความเสี่ยงจากการเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัว และหากเปรียบเทียบกลุ่มคนที่นั่งกับกลุ่มคนที่กระฉับกระเฉงเดินไปมาแล้วโดยคำนึงถึงทุกโรครวมกันแล้ว คนกลุ่มแรกนี้มีโอกาสตายสูงกว่าถึงร้อยละ 50
เหตุใดการแค่นั่งธรรมดาทำให้มีโอกาสตายสูงขึ้น? คำตอบก็คือการนั่งเป็นระยะเวลา นาน ๆ ไม่สอดคล้องกับการที่ร่างกายมนุษย์ถูกออกแบบมา ธรรมชาติสร้างให้มนุษย์เคลื่อนไหวไปมา ไม่หยุดนิ่งไม่เจ่าจุก การนั่งนาน ๆ อย่างไม่เคลื่อนไหวทำให้ระบบการทำงานเผาผลาญอาหารเป็นพลังงานของร่างกายทำงานช้าลง เกิดการสะสมของไขมัน ความอ้วนตามมาจนอาจนำไปสู่โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไข้ข้ออักเสบ และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวพันกับการมีน้ำหนักเกินปกติตลอดจนโรค NCDs
ข้อเขียนต่อไปนี้ (เครดิต ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง) ได้ส่งต่อๆกันมาในอินเทอร์เน็ตและผู้เขียน ขอนำมาแชร์ต่อในรูปของข้อเขียนในหนังสือพิมพ์โดยอธิบายเรื่องการเดินของคนสูงวัยได้ดีมากดังนี้
“...ความร่วงโรยจากการแก่ชรา จะเริ่มจากเท้าขึ้นมา จงทำให้ขาทั้งสองของท่านแข็งแรงและคล่องแคล่วว่องไวอยู่เสมอ ในขณะที่เราร่วงโรยลงทุกวัน ขาทั้งสองของเราต้องแข็งแรงอยู่ตลอดเวลา เราไม่ควรกังวลไปกับเผ้าผมที่เปลี่ยนเป็นสีดอกเลา ผิวหนังและผิวหน้าที่เหี่ยวย่น
วารสารชื่อดังของสหรัฐชื่อ Prevention ได้สรุปไว้ว่าสำหรับคนที่อายุยืนยาวนั้น การมีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรงถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด จงออกกำลังด้วยการเดินทุกวัน หากคุณไม่ขยับแข้งขยับขาสักสองอาทิตย์ ความแข็งแรงของขาของคุณจะลดลงไป 10 ปี ดังนั้น.... จงเดินเถิด
มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเก้นที่เดนมาร์คได้ศึกษาพบว่า ไม่ว่าคนหนุ่มหรือคนแก่ หากไม่เคลื่อนไหวตัวเองเลยราวสองสัปดาห์ จะทำให้กล้ามเนื้อขาอ่อนแอลงไปราวหนึ่งในสาม ซึ่งจะเทียบเท่ากับการชราภาพลงไปถึง 20-30 ปี ดังนั้น ....จงออกแรงเดินเสมอ
เมื่อกล้ามเนื้อขาเราอ่อนแอลง การฟื้นตัวจะใช้เวลานานมาก แม้ว่าเราจะพยายามฟื้นฟูร่างกายและออกกำลังกายในภายหลังก็ตาม…. จงตั้งหน้า ตั้งตาเดินต่อไป
ด้วยเหตุนี้ การออกกำลังกายด้วยการเดินเสมอจึงสำคัญมาก ร่างกายทั้งร่างและน้ำหนักตัวของเรา ต่างมีขาทั้งสองประคองเอาไว้ ขาทั้งสองจึงทำหน้าที่เป็นเสาหลักที่รับน้ำหนักทั้งหมดของตัวเรา
ที่น่าสนใจคือร้อยละ 50 ของกระดูก และร้อยละ 50%ของกล้ามเนื้อ ต่างอยู่ที่ขาทั้งสองของเรา ส่วนของข้อต่อและกระดูกที่ใหญ่และแข็งแรงที่สุดอยู่ที่ขาทั้งสอง กระดูกและกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรงและข้อต่อที่ยืดหยุ่นได้ดี เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของ "สามเหลี่ยมดุจเหล็ก" ที่ทำหน้าที่รองรับน้ำหนักทั้งหมดของร่างกาย
ร้อยละ 70 ของกิจกรรมทางกายและการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ใช้ขาทั้งสองเป็นหลัก ใครรู้บ้างว่าเมื่อเรายังมีอายุน้อย ต้นขาของเราไม่ว่าหญิงหรือชายสามารถจะยกรถยนต์ขนาดเล็กที่หนักได้ถึง 800 กก.
ขาของเราคือจุดศูนย์กลางของการเคลื่อนไหวของร่างกาย ขาทั้งสองของเราประกอบไปด้วยร้อยละ 50 ของเส้นประสาท ร้อยละ 50 ของเส้นโลหิต และร้อยละ50 ของระบบโลหิตที่ไหลเวียนผ่านเท้าทั้งคู่ดังนั้น เท้าทั้งสองจึงเป็นระบบไหลเวียนที่ใหญ่ที่สุดที่เชื่อมโยงทั้งร่างกายเข้าด้วยกัน .....จงเดินต่อไป
เมื่อเท้าทั้งสองแข็งแรงจะทำให้เลือดหมุนเวียนได้ดีและกล้ามเนื้อขาเข้มแข็ง ซึ่งทั้งหมดจะทำให้หัวใจแข็งแรง...... จงเดินต่อไป..
การชราภาพเริ่มจากเท้าขึ้นไปยังส่วนบนของร่างกาย เมื่อเราแก่ตัวลง ความแม่นยำและความรวดเร็วในการส่งคำสั่งระหว่างสมองกับเท้าทั้งสองจะลดลง ไม่เหมือนตอนที่ยังมีอายุน้อย นอกจากนั้นส่วนที่เรียกว่า Bone Fertilizer Calcium ที่สูญเสียไปตามกาลเวลาเมื่อเราแก่ตัวลงจะทำให้คนแก่กระดูกหัก (bone fractures) ได้ง่าย
อาการกระดูกหักของคนแก่อาจนำไปสู่อาการที่ยุ่งยากซับซ้อนอีกหลายอย่างที่ร้ายแรง อาทิเช่น อาการเส้นเลือดในสมองอุดตัน (brain thrombosis) ร้อยละ15 ของคนแก่ที่มีอาการกระดูกต้นขาหักจะเสียชีวิตไปในเวลาไม่เกินหนึ่งปี
จงเดินทุกวันอย่าได้ขาด การเดินออกกำลังไม่มีคำว่าสายไปแม้คุณจะอายุเกิน 60 ไปแล้ว แม้กำลังขาของเราจะเสื่อมลงตามกาลเวลาแต่การเดินเป็นภารกิจตลอดชีวิตของเรา จงเดินให้ได้ 10,000 ก้าวต่อวัน หากเราเดินเพื่อทำให้เท้าแข็งแรง จะช่วยให้ขาของเราลดการอ่อนแอลง
จงเดินตลอด 365 วัน จงเดินอย่างน้อย 30-40 นาทีทุกวัน เพื่อให้เท้าทั้งสองได้ออกกำลัง และทำให้กล้ามเนื้อขาแข็งแรงเสมอ....."
การเดินเป็นการสร้างคุณภาพชีวิตของคนทุกวัยที่มีต้นทุนต่ำมาก โดยเปรียบเทียบไม่ได้เลยกับผลประโยชน์ทางร่างกายและจิตใจที่จะได้รับคืนมาในอนาคต แต่กระนั้นก็ตามมีคนจำนวนไม่มากนักที่เลือกเส้นทางนี้ และนี่คือคำอธิบายว่าเหตุใดธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยจึงรุ่งโรจน์อยู่เสมอ.