“ไหว้ตรุษจีน 2565” ไขข้อข้องใจ ทำไม “สีแดง” ถึงสำคัญกับ “คนจีน”
“คนจีน” ก็มีความเชื่อเรื่องสีเสื้อประจำวันเช่นเดียวกับคนไทย โดยมักมีคำนิยมที่ค้นหากันมากในโลกออนไลน์ว่า “วันนี้ใส่ชุดสีอะไรถึงจะโชคดีร่ำรวย” แต่ “ตรุษจีน” จะให้ความสำคัญอย่างมากกับ “สีแดง” ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น วันนี้อ้ายจงจะมาไขข้อข้องใจให้ได้รู้กัน
จากกระแส “ไหว้ตรุษจีน 2565” ห้ามใส่เสื้อ “สีแดง” นั้น ช่วงนี้เลยมีหลายคนมาถาม อ้ายจง ว่า “คนจีน” มีความเชื่อเรื่องการใส่สีเสื้อผ้าประจำวันเหมือนคนไทยหรือไม่? ขอตอบตามความเป็นจริงว่า “มีครับ” ดังที่ได้เห็นพฤติกรรมการค้นหาบน Baidu เครื่องมือค้นหาออนไลน์ที่คนจีนนิยมใช้ หากเขียนคำว่า 今天穿什么 (วันนี้ใส่ชุดอะไร) ก็จะมีคำค้นหา “今天穿什么颜色衣服有财运 (วันนี้ใส่ชุดสีอะไรถึงจะโชคดีร่ำรวย)” ขึ้นมาเป็นคำค้นหาแนะนำโดยทันที
คำถามตามมาคือ “ตรุษจีน 2565” คนจีนใส่ชุดสีอะไร?
อ้ายจง ขออธิบายอย่างนี้ว่า ตามความเชื่อของคนจีนที่สืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ คนจีนถือว่า สีแดง เป็นสีมงคล โดยเชื่อว่าสีแดงเป็นตัวแทนของแสงอาทิตย์ ที่คอยให้ความอบอุ่นกับคนจีน และสีแดงยังเป็นตัวแทนของไฟ 1 ใน 4 ธาตุของจีน ที่บ่งบอกถึงความรุ่งโรจน์ ความเจริญรุ่งเรือง ความกล้าหาญ โดยรวมคือ เป็นความหมายที่สื่อถึงเรื่องมงคล เรื่องน่ายินดี คนจีนจึงชื่นชอบในสีแดง โดยเฉพาะในเทศกาล “ตรุษจีน” ที่มองไปทางไหนก็จะเห็นแต่สีแดง อย่างการที่คนจีนสวมชุดสีแดงเอาฤกษ์เอาชัยวันตรุษจีน หรือวันขึ้นปีใหม่จีน ซึ่งบางคนอาจจะไม่สวมเสื้อผ้าสีแดง เพราะวันตรุษจีนอาจจะยังต้องทำงานอยู่และใส่ยูนิฟอร์มของการทำงานแทน แต่ก็จะใส่สีแดงอยู่ข้างในเสื้อผ้าแทน ไม่ว่าจะชุดชั้นใน หรือแม้แต่ถุงเท้า
เรายังได้เห็น “โคมแดง” ถูกประดับประดาไปทั่วทั้งเมืองช่วง “ตรุษจีน” ซึ่งที่จีนมีการจัดเทศกาลโคมไฟ หรือที่เรียกว่า หยวนเซียวเจี๋ย โดยตรงกับวันที่ 15 เดือน 1 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงเป็นครั้งแรกหลังผ่านพ้นวันตรุษจีน ถือเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนนั่นเอง ในเทศกาลนี้ที่จีนจะนิยมออกจากบ้านไปชมโคมไฟที่ประดับประดาอย่างสวยงามเพื่อเฉลิมฉลองส่งท้ายตรุษจีน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นโคมสีแดง และก็มีการจัดทำโคมเป็นรูปร่างต่างๆ เพื่อดึงดูดความสนจากผู้เข้าชมงาน
โดยความสำคัญของ “สีแดง” คือสีมงคล ปัดเป่าสิ่งไม่ดี ได้ปรากฏอยู่ในตำนานเล่าขานของจีนว่า ในสมัยก่อนมีอสูรกายที่คนจีนเรียกว่า “เหนียน” ปรากฏกายทำร้ายผู้คนในช่วงตรุษจีน แต่มีบ้านหลังหนึ่ง ได้ติดยันต์สีแดง และจุดไฟจากเทียนสว่างไสวไปทั่วบ้าน จึงทำให้อสูรตัวนี้สงสัยว่า ในบ้านนี้มีอะไร พอเข้าไปก็ได้เจอกับประทัดที่คนในบ้านจุดขึ้นเพื่อไล่อสูร ทำให้อสูรตกใจกลัวจนวิ่งหนีไป ไม่กล้ากลับมาทำร้ายคนอีก ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ คนจีน เชื่อกันว่า สีแดง เป็นสีของเทศกาลตรุษจีน และจุดประทัดในวันตรุษจีน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองและไล่สิ่งไม่ดีออกไป
นอกจากในวันตรุษจีน “สีแดง” ยังถูกนำไปใช้ในโอกาสมงคลต่างๆ ของคนจีน อย่างเช่น คนจีนจำนวนไม่น้อยใช้ชุดสีแดงในงานแต่งงาน เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นชีวิตคู่ของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว
บทความที่เกี่ยวข้อง
การขอพรของ “คนจีน” ก็จะมี “สีแดง” เกี่ยวข้องเสมอ
ในการขอพร ขอเรื่องราวดีดีให้เกิดขึ้นแก่ชีวิต คนจีนก็ยังใช้สีแดงเป็นสื่อกลางให้เกิดเรื่องมงคลขึ้นในชีวิตของพวกเขา อย่างเช่น ในช่วงสมรภูมิ “สอบเข้ามหาวิทยาลัย” หรือที่เรารู้จักในนาม การสอบเกาเข่า (มาจากภาษาจีน 高考 ไม่ใช่ มานั่งเกาที่หัวเข่าเพราะมีอาการคันแต่อย่างใด) ซึ่งเป็นการสอบที่ได้ชื่อว่า โหดที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ถึงขนาดที่หลายมหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกาและยุโรป ยอมรับผลการสอบเกาเข่า มาใช้เป็นหนึ่งในการยื่นเข้าศึกษามหาวิทยาลัยของตนได้ พราะการสอบมีความยาก ผนวกกับความกดดันสูงทั้งจากครอบครัวของแต่ละคน และการแข่งขันในสังคม ทำให้ตัวพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ในครอบครัวมีความกดดันมหาศาลไม่ต่างจากตัวนักเรียนจีนซึ่งเป็นผู้สอบ การเตรียมตัวสอบเพียงอย่างเดียวจึงไม่พอ พ่อแม่ชาวจีนจำนวนมากจึงหันหน้าพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และความเชื่อเรื่องโชคลาง
หนึ่งในการขอพรที่ชาวจีนนิยมมาก ได้แก่ การขอพรที่วัดขงจื้อ (จีนกลาง ออกเสียงว่า ขงจื่อ) เพราะ ขงจื้อ ถือเป็นนักปราชญ์และบรมครูของคนจีนมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งวัดหรือศาลเจ้าขงจื้อมีอยู่หลายเมืองในจีน และสิ่งของที่มักจะเอามาขอพร ขอยกให้สิ่งนี้เลย นั่นคือ “แอปเปิ้ล - ป้ายสีแดง”
“แอปเปิ้ล - ป้ายสีแดง” เหตุผลที่คนจีนนำแอปเปิ้ลและป้ายสีแดง เขียนคำอธิษฐานแล้วมาแขวนไว้ดังที่เล่ามา เป็นเพราะว่า สีแดง สื่อถึงความโชคดี มีแต่สิ่งมงคล ขณะที่แอปเปิ้ล ภาษาจีนเรียกว่า 苹果 ผิงกั่ว ซึ่ง 苹 ผิง ของคำแอปเปิ้ล พ้องเสียงกับ 平 ผิง ที่แปลว่า สงบสุขและปลอดภัย คนจีนจึงถือว่า แอปเปิ้ล เป็น ผลไม้มงคล ผลไม้แห่งความปลอดภัย การที่นำแอปเปิ้ลมาเขียนคำอธิษฐาน และมาแขวนไว้ที่วัด เป็นนัยว่า ขอให้ทุกอย่างราบรื่น ไม่มีอุปสรรครบกวนการสอบ สมปรารถนาทุกประการ
นอกจากนี้ สีทอง หรือสีเหลือง ก็เป็นสีมงคลเช่นกัน เป็นสีสัญลักษณ์ของธาตุดิน ตีความหมายได้ว่า ความเป็นปึกแผ่นมั่นคง เป็นสีแห่งความเจริญรุ่งเรืองและเติบโต ทำให้เป็นสีมงคลตามความเชื่อของคนจีน แต่ในสมัยโบราณ สีทอง หรือสีเหลือง ถือเป็นสีที่ใช้สำหรับฮ่องเต้ หรือพระมหากษัตริย์ ดังนั้น ประชาชนทั่วไปจึงนิยมใช้สีแดงโดยทั่วไปแทน ซึ่งเราได้เห็นความเชื่อเรื่องสีทองเป็นหนึ่งในสีมงคลอยู่ในหลายกิจกรรมของคนจีนที่สื่อถึงเรื่องน่ายินดี เรื่องมงคล อย่างเช่น คนจีนจำนวนไม่น้อยก็นิยม “ซื้อทองคำ” เป็นของขวัญหรือเก็บเอาไว้ เพราะถือเป็นสิ่งที่มีค่า หรือการให้ส้มจี๊ดใน วันตรุษจีน เนื่องจากชื่อของส้มจี๊ดมีความหมายมงคล 金桔 ซึ่งเป็นคำจีนกลางของส้มจี๊ด ตัว 金 เป็นตัวอักษรเดียวกับคำว่า ทอง และ 桔 อ่านว่า จวี๋ ก็มีเสียงคล้ายกับ 吉 จี๋ ซึ่งแปลว่า โชคดี ดังนั้น การให้ส้มจี๊ด จึงเป็นดั่งการให้ทองคำและความโชคดีนั่นเอง
สำหรับ สีเขียว เป็นอีกหนึ่งสีที่สื่อถึงความหมายมงคล เนื่องจากเป็นตัวแทนธาตุไม้ คนจีนจึงเชื่อในความหมายการเจริญเติบโต รุ่งเรือง อนึ่ง สีเขียว ในความหมายเชิงลบในความเชื่อของคนจีนก็พอมีอยู่บ้าง เช่น การสวมหมวกสีเขียว มีความหมายว่า ถูกคนรักสวมเขา แอบไปมีชู้กับคนอื่น แต่ความหมายโดยรวมก็ยังคงมีความหมายในทางบวกเสียส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามใน วันตรุษจีน สีแดง ก็ยังคงเป็นสีตัวแทนความมงคลและโชคดีสูงสุดในวันปีใหม่จีนครับ
ผู้เขียน: ภากร กัทชลี (อ้ายจง) อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่