เศรษฐกิจสีเขียว เพื่อวิถีชีวิตชาวริมคลองฝั่งธนบุรี | TEI
วิถีชีวิตของคนกรุงเทพฯ ผูกพันกับคูคลองและแม่น้ำมาตั้งแต่อดีต ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ริมสองฝั่งคลอง ที่เอื้อต่อการเกษตร ในสมัยก่อนมีการขุดคูคลองหลายสาย เพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำในการอุปโภคบริโภค อีกทั้งยังถูกใช้ในการระบายน้ำ และคมนาคมขนส่ง
มีหลายคนเคยกล่าวว่า กรุงเทพฯ เปรียบเสมือนเวนิสตะวันออกเพราะมีความสวยงาม โดยมีคูคลองทั้งหมด 1,760 คลอง แต่ปัจจุบันมีการใช้ได้จริงไม่ถึงครึ่ง เนื่องจากการเจริญเติบโตของเมือง
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตริมฝั่งคลองมากมายที่เป็นทั้งโอกาสและปัญหาสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ โดยเฉพาะชุมชนฝั่งธนบุรีเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงนิเวศวัฒนธรรมของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
ชุมชนคลองฝั่งธนบุรี มีลักษณะเป็นโครงข่ายที่มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และระบบเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงโดยใช้แม่น้ำลำคลองและเส้นทางรถไฟ การตั้งถิ่นฐานจึงมีเรื่องราวของวิถีชีวิต เชื้อชาติ ศาสนาที่แตกต่าง แต่สามารถกลมกลืนผสมผสานทางวัฒนธรรมเป็นอย่างดี
ฝั่งธนบุรีในปัจจุบันยังคงเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร หลายชุมชนริมคลองฝั่งธนฯ ยังคงรักษาวิถีชีวิตเกษตรสายคลอง ย่านพาณิชยกรรมดั้งเดิม และย่านพหุวัฒนธรรม
ในขณะเดียวกัน ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สิ่งปลูกสร้างเชิงพาณิชย์และโครงการจัดสรรมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายตัวของเมือง ฝั่งธนฯ ในปัจจุบันจึงมีส่วนผสมที่ชัดเจนทั้งพื้นที่กึ่งชนบท พาณิชยกรรม เกษตรกรรม และที่อยู่อาศัย
ความวิวัฒน์ดังกล่าวเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสของชุมชนริมคลองฝั่งธนบุรี การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินทำให้พื้นที่เกษตรกรรมและการผลิตลดลง หลายคูคลองถูกกลบทับหรือกลายเป็นที่ระบายน้ำเสีย
บางชุมชนจำเป็นต้องเปลี่ยนอาชีพและตัดขาดจากภูมินิเวศ ในขณะที่ชุมชนที่ยังคงวิถีเกษตรสายคลองเกิดข้อจำกัดมากขึ้น
อีกด้านหนึ่ง ผู้อยู่อาศัยและกลุ่มธุรกิจใหม่ย่านฝั่งธนบุรี เป็นผู้บริโภคที่มีศักยภาพ และการพัฒนาระบบขนส่งทางรางทำให้การเข้าถึงชุมชนเป็นไปได้สะดวกซึ่งเสริมศักยภาพด้านการตลาด
ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจและการดำรงชีวิต ได้สร้างความท้าทายใหม่ในบริบทการพัฒนาเมือง ซึ่งชี้ว่าระบบเศรษฐกิจบนฐานต้นทุนของพื้นที่จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความยั่งยืน
โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบชุมชนริมคลองฝั่งธนบุรีด้วยเครือข่ายคลังสมองของพื้นที่ และแผนผังภูมินิเวศเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน (Green Thonburi) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย สถาบันคลังสมองของชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี สถาบันอาศรมศิลป์ และมหาวิทยาลัยสยาม
ร่วมกันหาแนวทางการพัฒนาชุมชนริมคลองฝั่งธนบุรี ให้คงยังมีวิถีแห่งสายน้ำด้วยการค้นหารูปแบบที่เหมาะสมบนฐานเศรษฐกิจสีเขียวในการพัฒนาระบบนิเวศที่ส่งเสริมศักยภาพและโอกาส และสอดคล้องกับภูมินิเวศและความเข้มแข็งของชุมชน
การพัฒนานี้จะนำมาซึ่งความผูกพันในการอยู่อาศัย การสร้างอาชีพ และความเป็นอยู่ที่ดี ทำให้พื้นที่คลองและวิถีชีวิตชาวฝั่งธนฯ ยังสามารถดำรงต่อไปได้ โดยมีพื้นที่ต้นแบบเพื่อการพัฒนา 4 แห่ง ที่มีศักยภาพความพร้อมในการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวที่เป็นเชิงสินค้าการเกษตร และบริการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเกษตร-วัฒนธรรม อันจะผลักดันให้เกิดการพึ่งพาตนเองบนฐานการพัฒนาที่ยั่งยืน
ได้แก่ ชุมชนพูนบำเพ็ญ เขตภาษีเจริญ ชุมชนตลาดพูล เขตธนบุรี ชุมชนคลองบางประทุน เขตจอมทอง และชุมชนคลองบางมด เขตทุ่งครุ-บางขุนเทียน ที่มีความเชื่อมโยงการเดินทางด้วยคลอง และระบบขนส่งมวลชน
จากการศึกษาพื้นที่ริมคลองฝั่งธนบุรี พบว่า ทั้ง 4 ชุมชน เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงระบบนิเวศ วัฒนธรรมของลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยแต่ละพื้นที่มีเอกลักษณ์และอัตลักษณ์เป็นของแต่ละชุมชน ที่มีความพร้อมในการพัฒนา
ชุมชนพูนบำเพ็ญ-เขตภาษีเจริญ
มุ่งเน้นสินค้าและบริการ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวของชุมชน โดยส่งเสริมให้การทำการเกษตรของคนในชุมชนเป็นเกษตรอินทรีย์ 100 % และการพัฒนาการท่องเที่ยวอนุรักษ์เกษตรวิถีคลอง เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว ด้วยการพัฒนาพื้นที่ตลาดเชิงอนุรักษ์วิถีคลอง เชื่อมโยงกับการพัฒนาพื้นที่เกษตร
ชุมชนตลาดพลู-เขตธนบุรี
อีกหนึ่งในพื้นที่ต้นแบบที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ พร้อมทั้งอาหารที่หลายคนคุ้นเคยกันดี คือ กุยช่าย ก๋วยเตี๋ยว ขนมไทยต่าง ๆ ที่พร้อมจะพัฒนาให้เป็นเศรษฐกิจสีเขียวในชุมชนตลาดพลู และเน้นการท่องเที่ยวประกอบกิจกรรมบนฐานต้นทุนทางวัฒนธรรมของชุมชน การวาดภาพ ศิลปะพู่กันจีน
ชุมชนคลองบางมด-เขตทุ่งครุ-บางขุนเทียน
เป็นที่รู้จักขึ้นชื่อในเรื่องของส้มบางมด ที่มีผลผลิตเป็นที่ยอมรับตั้งแต่อดีต ซึ่งในปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ทำให้ส้มบางมดหายไปจากพื้นที่ ชาวบางมดมุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจริมคลอง อนุรักษ์วัฒนธรรม วิถีชาวบ้าน ด้วยการท่องเที่ยวชุมชนและเกษตรปลอดภัย ส่งเสริมการเกษตรที่มีความหลากหลาย
ชุมชนคลองบางประทุน-เขตจอมทอง
มีความผูกพันกับการทำเกษตรมาตั้งแต่อดีต โดยการทำนา ทำสวนผลไม้ผสมผสาน จนปัจจุบันพื้นที่ของชุมชนได้มีการจดทะเบียนพืชการเกษตร ส้มบางมด และ ลิ้นจี่ เป็นสินค้า GL ก้าวต่อไปของชุมชนคือ การเพิ่มมูลค่าของสินค้า ด้วยการแปรูป สร้างแบรนด์กลางของชุมชน เพื่อสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่
การนำเศรษฐกิจสีเขียวขับเคลื่อนคลอง จึงเป็นเป้าหมายในการพัฒนาชุมชนริมคลองฝั่งธนบุรีและคลัสเตอร์เศรษฐกิจบนฐานเศรษฐกิจสีเขียว โดยการสร้างกลไกความร่วมมือคลังสมองของพื้นที่ และเครื่องมือยุทธศาสตร์แผนผังภูมินิเวศ พัฒนาพื้นที่เชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทาน
และเสนอแนวทางพัฒนาระบบนิเวศสนับสนุนชุมชนบนฐานเศรษฐกิจสีเขียวที่สอดคล้องกับความต้องการ ศักยภาพ และภูมินิเวศของชุมชนเพื่อส่งเสริมศักยภาพและความเข้มแข็งของชุมชนในพื้นที่คลอง ได้มีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้น และรักษาวิถีชีวิตชาวฝั่งธนบุรีให้ดำรงอยู่ต่อไป
คอลัมน์ : รักษ์โลก Low Carbon Society
เรียบเรียงโดย กุหลาบ รอดทอง
เจ้าหน้าที่สื่อสารและประชาสัมพันธ์
สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย