โอกาสและความท้าทาย กับการลงทุนด้านพลังงานในสหรัฐอเมริกา

โอกาสและความท้าทาย กับการลงทุนด้านพลังงานในสหรัฐอเมริกา

การลงทุนด้านพลังงานในสหรัฐอเมริกาในยุคเปลี่ยนผ่านทางพลังงานไปสู่พลังงานสะอาด และการเปลี่ยนผู้นำประเทศคนใหม่ ซึ่งเป็นโอกาสและความท้าทายของผู้ลงทุนที่จะต้องปรับตัว และปรับการดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

ในขณะที่โลกนั้นกำลังมุ่งหน้าไปสู่ พลังงานหมุนเวียน แต่ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ได้ชูนโยบายสนับสนุนกลุ่มพลังงานเก่าอย่างน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งค่อนข้างต่างไปจากเทรนด์โลก จึงมีคำถามว่า นโยบายนี้จะกระทบหรือส่งผลอะไรกับธุรกิจไฟฟ้าที่เข้าไปลงทุนในสหรัฐอเมริกาหรือไม่ ซึ่ง EGCO Group เองก็เป็นหนึ่งในผู้ลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา

จากนโยบายของว่าที่ ประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ให้ความสำคัญกับพลังงานแบบดั้งเดิม หรือเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และชะลอการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียน ทำให้สหรัฐอเมริกามีแนวโน้มจะลดราคาพลังงาน ด้วยการเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจโรงไฟฟ้าประเภทพลังงานความร้อนร่วม หรือ Combined Cycle ในเรื่องต้นทุนเชื้อเพลิงเพื่อการผลิตไฟฟ้า เพราะว่าก๊าซธรรมชาติจะมีราคาต่ำลง

นอกจากนี้ ธุรกิจที่ EGCO Group เข้าไปลงทุนในสหรัฐอเมริกา ยังจะได้รับอานิสงส์จากนโยบายลดภาษีนิติบุคคล (federal tax) และการลดกฎระเบียบ อาทิ ธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวดในสหรัฐอเมริกาและจ่ายภาษีจำนวนมากในแต่ละปี

จากนโยบายดังกล่าว ทำให้การสนับสนุนการพัฒนา พลังงานหมุนเวียน ในสหรัฐอเมริกาจะชะลอตัวลง แต่การเปลี่ยนแปลงนี้น่าจะส่งผลในระยะกลาง หรือระยะยาว ซึ่งเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการที่เข้าไปลงทุนได้มีเวลาปรับตัว เนื่องจากความต้องการพลังงานหมุนเวียนยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามการพัฒนาเทคโนโลยีและความต้องการที่เพิ่มขึ้น และจากนโยบายของนานาประเทศและความต้องการขององค์กรต่างๆ ทั่วโลก ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และตั้งเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)

อย่างไรก็ตาม การที่โลกจะเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียวได้อย่างเต็มตัวต้องอาศัยเวลาความพร้อมของเทคโนโลยี และต้นทุนที่เหมาะสม ในระหว่างนี้เชื้อเพลิงฟอสซิลโดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติจึงยังมีความจำเป็น เพราะเป็นเชื้อเพลิงหลักที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าและรักษาเสถียรภาพด้านราคาค่าไฟฟ้า ควบคู่กับการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality

EGCO Group เข้าไปลงทุนในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2021 ทั้งโรงไฟฟ้าแบบดั้งเดิมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง เช่น โรงไฟฟ้า Linden Cogen และกลุ่มโรงไฟฟ้า Compass สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ได้ลงทุนผ่าน APEX ผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งมีโมเดลธุรกิจที่ "เป็นโอกาสและกุญแจสำคัญ" ที่จะผลักดันให้ EGCO Group บรรลุเป้าหมายการเพิ่ม RE เป็น 30% ในปี 2030 โดย APEX มีแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าจาก RE กว่า 56,000 เมกะวัตต์ จนถึงตอนนี้พัฒนาได้ราว 2,000 เมกะวัตต์ นอกจากนั้นยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนในประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยที่มีความต้องการเพิ่ม RE ใน Portfolio อีกด้วย

เพื่อสร้างสมดุลระหว่างเสถียรภาพความมั่นคงทางไฟฟ้า ราคา และสิ่งแวดล้อม EGCO Group ได้เตรียมการปรับปรุงกระบวนการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าที่ใช้ฟอสซิลให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อลดการปล่อย CO2 เช่น การปรับปรุงเครื่องกังหันก๊าซของโรงไฟฟ้า Linden Cogen หน่วยที่ 6 ในสหรัฐอเมริกา ที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์อยู่แล้วให้สามารถใช้ก๊าซที่เกิดจากกระบวนการผลิตของโรงกลั่นที่มีไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบ แล้วนำมาผสมในสัดส่วน 40% เพื่อเป็นเชื้อเพลิงร่วมกับก๊าซธรรมชาติที่ใช้อยู่เดิม ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยรวมของโรงไฟฟ้า และช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซ CO2 โดยรวมลงประมาณ 10%

จากที่กล่าวมา มองว่าการลงทุนด้านพลังงานในสหรัฐอเมริกาในยุคเปลี่ยนผ่านทางพลังงานไปสู่ พลังงานสะอาด และการเปลี่ยนแปลงผู้นำประเทศ จึงเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายของผู้ลงทุนที่จะต้องพร้อมปรับตัวและปรับการดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป