4 ปัจจัยบวกหนุนตลาดหุ้นไทย ในช่วงที่เหลือของปี 2023
ในปี 2023 นี้ มีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกจะยังสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้จาก 4 ปัจจัยบวกสำคัญ ซึ่งจะเป็นอะไรนั้นต้องติดตาม
ในปี 2022 ที่ผ่านมาการลงทุนในตลาดหุ้นมีความผันผวนสูงมาก ทั้งการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ หรือการลงทุนใน ตลาดหุ้นไทย หลังจากที่ตลาดหุ้นทั่วโลกถูกกดดันจากประเด็น เงินเฟ้อ ที่เร่งตัวสูงขึ้น ทำให้ธนาคารกลางสำคัญหลายแห่งหันมาเข้มงวดนโยบายการเงินโดยการเร่งขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกให้ผลตอบแทนติดลบ เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี S&P 500 -20%, ตลาดหุ้นจีน ดัชนี HSCEI -17%, ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ดัชนี Nikkei 225 -9% ขณะที่ตลาดหุ้นไทยถือว่า Outperform ตลาดหุ้นในหลายประเทศโดยปรับตัวเพิ่มขึ้น +1%
ในปี 2023 นี้ มีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกจะยังสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งมี 4 ปัจจัยบวก ดังนี้
1. เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตได้ดี หนุนโดยภาคการท่องเที่ยว
จากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID - 19 ที่ทำให้หลายประเทศออกมาตรการควบคุมโรค โดยมีการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ หรือการปิดเมือง รวมถึงประเทศไทยที่พึ่งพิงรายได้จากภาค การท่องเที่ยว ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 20% ของ GDP โดยในช่วงก่อน COVID - 19 ไทยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาถึงราว 40 ล้านรายต่อปี
อย่างไรก็ดี หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสเริ่มคลี่คลายมากขึ้น ทางรัฐบาลก็ได้มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงกลางปี 2022 ทำให้เริ่มมีนักท่องเที่ยวทยอยกลับเข้ามาในไทยมากขึ้น และคาดว่า ในปี 2023 ภาคการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวได้ดียิ่งไปกว่าเดิมอีก โดยคาดว่ามีโอกาสที่ นักท่องเที่ยว จะเดินทางเข้ามาสูงถึงราว 24 - 29 ล้านรายในปีนี้ หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 60 - 70% ก่อน COVID - 19 อีกทั้ง ล่าสุดทางการจีนได้มีการประกาศเปิดประเทศเร็วกว่าที่คาด โดยเริ่มมีการเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2023 ซึ่งมองว่าเป็นปัจจัยหนุนสำคัญของภาคการท่องเที่ยวไทย เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้ค่อนข้างมาก โดยจากข้อมูลปี 2019 มีรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนคิดเป็นสัดส่วนราว 29% ของรายได้ภาคการท่องเที่ยวของไทย และประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายหลักของนักท่องเที่ยวจีน
คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2023 ก่อน - หลัง จีนเปิดประกาศเปิดประเทศ
ดังนั้นจึงมองว่า ในปี 2023 นี้ เศรษฐกิจไทย จะสามารถเติบโตได้ หนุนโดยภาค การท่องเที่ยว ที่เริ่มฟื้นตัวจากการคลายล็อกดาวน์ของหลายๆ ประเทศ โดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (ESU) คาดว่า GDP ไทยปี 2023 จะขยายตัวอยู่ที่ 3.3%
2. การเลือกตั้งปัจจัยขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทย
คาดว่าการเลือกตั้งทั่วไปของไทยจะมีขึ้นภายในวันที่ 7 พ.ค. 2023 ไทยจะมีการเลือกตั้งใหญ่ ซึ่งจากสถิติย้อนหลังในอดีตของตลาดหุ้นในช่วงก่อน - หลังเลือกตั้งพบว่า ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง 1 - 3 เดือน ตลาดหุ้นไทย มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 2 - 6% โดยกลุ่มที่มักให้ผลตอบแทนเป็นบวก ได้แก่ กลุ่มอาหาร การเงิน พลังงาน และค้าปลีก
3. ตลาดหุ้นไทยมักปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส 1
จากข้อมูลในอดีตตั้งแต่ปี 2010 พบว่า ช่วงไตรมาส 1 ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสกว่า 90% ที่ตลาดหุ้นไทยมักให้ผลตอบแทนเป็นบวก ยกเว้นปี 2020 ที่ตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID - 19 โดยจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.4% ขณะที่หากไม่คำนวณรวมปี 2020 ผลตอบแทนเฉลี่ยตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2010 ในไตรมาส 1 จะอยู่ที่ 6.1%
4. นโยบายการเงินไทยไม่เข้มงวดเหมือนประเทศอื่นๆ
ในปี 2022 ทั่วโลกประสบกับปัญหา เงินเฟ้อ ที่เร่งตัวสูงขึ้น ส่วนหนึ่งจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินและกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID - 19 ทำให้ในปี 2022 ธนาคารกลางสำคัญหลายแห่งเริ่มหันมาเข้มงวดนโยบายการเงิน อย่าง ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่หันมาเร่งขึ้นดอกเบี้ยในปี 2022 ซึ่งเป็นปัจจัยหลักกดดันตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี สำหรับประเทศไทยที่เงินเฟ้อถึงแม้ว่าจะมีการเร่งตัวสูงขึ้น แต่ก็ยังถือว่า ต่ำกว่าประเทศอื่น ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาถึงแม้ ธนาคารแห่งประเทศไทย จะทำการขึ้นดอกเบี้ย แต่ก็เป็นการขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยในปี 2022 ที่ผ่านมาทางธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นดอกเบี้ยไปทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายสิ้นปี 2022 อยู่ที่ 1.25% ต่อปี และมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 2023 ที่ 0.25% ไปแล้ว 1 ครั้ง สู่ระดับ 1.50% โดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (ESU) คาดว่า ในปี 2023 นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ในการประชุมเดือน มี.ค. และ พ.ค. สู่ระดับสูงสุดที่ 2% ซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับก่อนการแพร่ระบาดของ COVID - 19
ถึงแม้ในช่วงปี 2022 ที่ผ่านมา การลงทุนในตลาดหุ้นอาจไม่สดใสนัก อย่างไรก็ดี มองว่าในปี 2023 ปัจจัยกดดันตลาดหุ้นหลายปัจจัยเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น บวกกับตลาดได้มีการตอบรับไปบางส่วนแล้ว ดังนั้น จึงเชื่อว่าตลาดหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวขึ้น โดยมองว่า ตลาดหุ้นไทย ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจเข้าลงทุนในช่วงต้นปีนี้จาก 4 ปัจจัยบวกข้างต้น
ที่มา : CEIC, SSI Research, TISCO Economic Strategy Unit (ESU), TISCO Research
ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมา และพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสม และรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยง และเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0-2633-6000 กด 4, 0-2080-6000 กด 4 และ tiscoasset หรือแอปพลิเคชัน TISCO My Funds