"กสิกรไทย" ลุยเวียดนาม มุ่งเป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินเต็มรูปแบบ
"กสิกรไทย" ลุยเวียดนาม ออกบริการทางการเงินเต็มรูปแบบ ตั้งเป้าเป็น 1 ใน 20 ธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่สุดในเวียดนาม มียอดสินเชื่อคงค้างแตะ 1.8 แสนล้านบาท ภายในปี 2570
ธนาคารกสิกรไทย พร้อมขยายธุรกิจในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จอีกขั้น ด้วยการเติบโตเป็นธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ติด 1 ใน 20 อันดับของประเทศเวียดนาม หวังเป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบ (Transactional Ecosystem) ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มองค์กร บริษัทขนาดกลาง กลุ่มค้าปลีก และลูกค้ารายย่อย ตั้งเป้ารายได้สุทธิ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.32 หมื่นล้านบาท มียอดสินเชื่อคงค้างที่ 1.8 แสนล้านบาท และมีฐานลูกค้าเวียดนาม 8.4 ล้านราย ภายในปี 2570
นายชัช เหลืองอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ระบบ เศรษฐกิจเวียดนาม พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ด้วยเศรษฐกิจที่เติบโตถึง 8.02% ในปี 2565 เป็นการขยายตัวเร็วสุดในรอบ 25 ปี และมี GDP สูงเป็นอันดับที่ 30 ของโลก เช่นเดียวกันกับอุตสาหกรรมธนาคารของเวียดนาม แม้จะยังค่อนข้างใหม่เมื่อเทียบกับประเทศในละแวกเดียวกัน แต่กลับเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เติบโตเร็วสุดในโลก รวมถึงมีศักยภาพมหาศาลของทรัพยากรด้านต่างๆ ภายในประเทศ จึงคาดการณ์ว่าจะกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ (Newly Industrialized Country หรือ NIC) ภายในปี 2573 และจะยกระดับเป็นประเทศที่มีสถานะรายได้ปานกลางถึงระดับสูง และเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ภายในปี 2588
นายชัช กล่าวต่อไปว่า ธนาคารกสิกรไทย จึงเล็งเห็นว่า เวียดนาม เป็นประเทศที่มีศักยภาพและน่าจับตามองในด้านการลงทุน จากการที่เวียดนามมีประชากรมากกว่า 100 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประชากรกลุ่มนี้ได้ขยายตัวและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยกว่า 69% ของคนวัยทำงานนี้ไม่มีบัญชีธนาคาร ซึ่งเป็นตัวเลขสูงที่สุดในเอเชีย ด้วยเหตุนี้เอง รัฐบาลเวียดนามจึงมุ่งหน้าผลักดันการพัฒนาบริการทางการเงินแบบดิจิทัล เพื่อให้ผู้คนเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและมากขึ้น เป็นผลให้ประเทศเวียดนามมีบันทึกมูลค่าการชำระเงินแบบดิจิทัลสูงสุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้รัฐบาลยังผลักดันให้ประเทศเวียดนามเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีแห่งใหม่ของเอเชีย ซึ่งนักลงทุนต่างให้ความสนใจกับประเทศเวียดนามเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ ธนาคารกสิกรไทย จึงเข้าไปขยายการให้บริการในประเทศเวียดนาม ด้วยการเป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบ (Transactional Ecosystem) ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มองค์กร บริษัทขนาดกลาง กลุ่มค้าปลีก และลูกค้ารายย่อย ไปสู่เป้าหมาย 1 ใน 20 ธนาคารที่ดีที่สุดในประเทศเวียดนาม ภายในปี 2570
"การไปสู่เป้าหมาย 1 ใน 20 ธนาคารที่ดีที่สุดในประเทศเวียดนาม ภายในปี 2570 ทั้งในแง่สินทรัพย์ รายได้ และฐานลูกค้า ธนาคารกสิกรไทย จะเดินหน้ากลยุทธ์การให้บริการทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบ (Transactional Ecosystem) เพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น เริ่มตั้งแต่แอปพลิเคชัน K PLUS Vietnam ที่ช่วยให้การทำธุรกรรมการเงินของผู้ใช้งานลื่นไหล สะดวกสบาย ด้วยฟังก์ชันและระบบปฏิบัติการที่พัฒนาผ่านบริษัท KBTG Vietnam (KASIKORN BUSINESS-TECHNOLOGY GROUP Vietnam) ให้ตอบโจทย์การใช้งานของคนเวียดนามมากที่สุด เช่น การใช้เทคโนโลยี NFC (Near-Field Communication) เพื่อทำให้การอ่านข้อมูลจากบัตรประชาชนทำงานได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น การพัฒนาเทคโนโลยี Liveness Detection เพื่อตรวจจับและป้องกันการปลอมตัวบุคคลในขั้นตอนของการสมัครใช้งาน เป็นต้น" นายชัช กล่าว
นายชัช กล่าวต่อไปอีกว่า ธนาคารกสิกรไทยในเวียดนาม ยังได้สนับสนุนการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในเวียดนาม ด้วยการพัฒนาเครื่อง EDC (Electronic Data Capture) ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ สังคมไร้เงินสด และรองรับการชำระเงินหลากหลายช่องทาง เช่น บัตรเดบิต บัตรเครดิต และการสแกนจ่ายผ่าน QR Code ทุกประเภท และเพื่อให้การทำธุรกรรมของลูกค้าเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ ทั้งนี้ ธนาคารฯ เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ นั่นคือ บัตรเดบิต ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้ารายย่อยในการทำธุรกรรมชำระเงินและกดเงินสด โดยสามารถสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ได้สะดวก ด้วยแอปพลิเคชัน K PLUS Vietnam เมื่อได้รับการอนุมัติ บัตรเดบิตจะถูกส่งไปถึงบ้านของผู้สมัครถึงที่ ไม่ต้องไปดำเนินการที่ธนาคารฯ อีกต่อไป
สำหรับอีกกลุ่มลูกค้าที่ธนาคารฯ ให้ความสำคัญคือ ลูกค้าองค์กร โดยสร้างเครือข่าย Internet Banking เพื่อให้องค์กรจัดการเงินสดและบัญชีเงินเดือนสำหรับพนักงานได้อย่างสะดวกและราบรื่น รวมทั้งยังให้ความสำคัญกับการปล่อย สินเชื่อดิจิทัล ด้วยผลิตภัณฑ์ KBank Biz Loan เพื่อเจาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่สามารถทำธุรกรรมได้สะดวกผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS Vietnam และผลิตภัณฑ์ KBank Pay Later สำหรับลูกค้ารายย่อยที่ต้องการขอสินเชื่อดิจิทัลเพื่อการซื้อสินค้าออนไลน์ ด้วยการทำพันธมิตรธุรกิจร่วมกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซท้องถิ่น Meta ที่ขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ยังได้เดินหน้าหาพันธมิตรทางธุรกิจ ผ่านบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด (KASIKORN VISION CO., LTD.) หรือ KVision ที่เฟ้นหาบริษัทหรือสตาร์ทอัพที่น่าสนใจ เพื่อร่วมลงทุนและพัฒนาธุรกิจไปด้วยกัน ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมลงทุนกับหลายบริษัทในเวียดนาม เช่น Sendo, KiotViet, Seedcom, Jio Health, Selly และอีกหนึ่งสตาร์ทอัพที่น่าสนใจ นั่นก็คือ Lich Viet แอปพลิเคชันเกี่ยวกับเรื่องดูดวงที่กำลังมาแรง ด้วยยอดผู้ใช้บริการกว่า 13 ล้านคน
"การมุ่งสู่เป้าหมายครั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทย มีความตั้งใจในการมอบประสบการณ์ทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบให้แก่ชาวเวียดนาม ด้วยความชำนาญที่การันตีด้วยรางวัลทางการเงินในระดับภูมิภาค การมีแอปพลิเคชัน โมบาย แบงก์กิ้ง ด้วยจำนวนผู้ใช้งานกว่า 19 ล้านคน รวมถึงการเป็นธนาคารดิจิทัล มีเครือข่ายระดับภูมิภาคกับพันธมิตรกว่า 70 แห่ง ทั่วยุโรปและเอเชีย จึงมั่นใจได้ว่า ด้วยประสบการณ์ ศักยภาพ และมาตรฐานระดับสากลที่พร้อมมอบบริการทางการเงินด้วยความเชี่ยวชาญของธนาคารกสิกรไทยจะสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในประเทศเวียดนามได้อย่างแน่นอน โดยตั้งเป้าเป็นธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ติดอยู่ใน 20 อันดับแรกในประเทศเวียดนาม รายได้สุทธิถึง 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.32 หมื่นล้านบาท มียอดสินเชื่อคงค้างที่ 1.8 แสนล้านบาท และมีฐานลูกค้าเวียดนาม 8.4 ล้านรายภายในปี 2570" นายชัช กล่าวทิ้งท้าย