KFTHAIESG โอกาสสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน เติบโตไปกับหุ้น ESG
บลจ.กรุงศรี เสนอขายกองทุน KFTHAIESG โอกาสสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน เติบโตไปกับหุ้น ESG เสนอขายครั้งแรกวันที่ 8 - 18 ธันวาคม 2566 ลงทุนขั้นต่ำ 500 บาท
นางสุภาพร ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า บลจ.กรุงศรี เตรียมเสนอขายกองทุนลดหย่อนภาษีใหม่ Thai ESG Fund หรือกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ในชื่อ กองทุนเปิดกรุงศรีเอ็นแฮนซ์เซ็ทไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ KFTHAIESG มีนโยบายเน้นลงทุนหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG ของ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ใช้กลยุทธ์การลงทุนที่ผสมผสานระหว่างการลงทุนแบบ passive และ active management โดยสัดส่วนของพอร์ตการลงทุนประมาณ 90% จะลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนของพอร์ตรวมออกมาใกล้เคียงกับผลตอบแทนดัชนี SETESG ที่สุด และอีก 10% จะใช้กลยุทธ์การลงทุนเชิงรุกเพื่อสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม มีให้เลือกลงทุนได้ 2 แบบ นั่นก็คือกองทุน KFTHAIESGA ไม่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผล และ KFTHAIESGD มีนโยบายการจ่ายเงินปันผล
"ทั้งนี้ กองทุน KFTHAIESG จะแยกวงเงินลดหย่อนต่างหาก ไม่รวมกับเงินลงทุนใน SSF / RMF และการลงทุนเพื่อเกษียณอายุอื่นๆ นักลงทุนที่ลงทุนเต็มสิทธิ์ในกองทุน SSF / RMF แล้ว สามารถลงทุนเพิ่มในกองทุน KFTHAIESG เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีไม่เกิน 30% ของเงินได้ และไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี โดยมีระยะเวลาถือครอง 8 ปี นับจากวันที่ลงทุน"
นางสุภาพร กล่าวต่อไปว่า บลจ.กรุงศรี มองว่าปัจจุบันถือเป็นช่วงที่ดีในการทยอยสะสม หุ้นไทย เนื่องจาก ตลาดหุ้นไทย มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและการฟื้นตัวด้านเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย การทยอยลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลักทั่วโลก และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้น ESG ที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
"สำหรับประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับ ESG เพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากนักลงทุนสถาบันส่วนใหญ่มีการจัดสรรเงินลงทุนในองค์กรที่ให้ความสำคัญกับ ESG และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านภาครัฐและภาคธุรกิจก็ให้ความสำคัญกับการลงทุนตามกรอบ ESG มากขึ้นเช่นกัน รวมทั้งบริษัทจัดอันดับระดับโลกก็มีการให้คะแนนด้าน ESG แก่กองทุนต่างๆ ด้วย เช่น Morningstar Sustainability Rating และ MSCI ESG Fund เป็นต้น"
นางสุภาพร กล่าวต่อไปอีกว่า เมื่อพิจารณาจากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2566 พบว่า มีบริษัทที่ถูกจัดอยู่ใน SETTHSI Index (ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น SETESG Index ในวันที่ 6 พ.ย. 66) มีจำนวน 115 บริษัท และมี Market Cap รวมกันประมาณ 12.38 ล้านล้านบาท เทียบกับ Market Cap รวมของ SET Index ซึ่งอยู่ที่ 19.21 ล้านล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทขนาดใหญ่ของไทยให้ความสำคัญกับ ESG และมีสภาพคล่องในการลงทุนที่สูงมาก
"ในมุมของผลตอบแทน ดัชนีผลตอบแทนรวมของ SETESG (SETESG TRI) ก็ให้ผลตอบแทนดีกว่าดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET TRI) ถ้าดูผลตอบแทนย้อนหลังระยะยาวสัก 3 ปี จะเห็นได้ว่า SETESG TRI มีผลตอบแทนอยู่ที่ 10.87% ต่อปี ดัชนี SET TRI อยู่ที่ 7.99% ถ้าดูย้อนหลัง 5 ปี SETESG TRI มีผลตอบแทนอยู่ที่ -0.32% ต่อปี ดัชนี SET TRI อยู่ที่ -0.78% (ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2566 / ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต)"
นางสุภาพร กล่าวเพิ่มเติมว่า การนำปัจจัยด้าน ESG มาประกอบการตัดสินใจในการลงทุนมีส่วนช่วยในการสร้างผลตอบแทนที่ดี และลดความเสี่ยงของการลงทุนได้ เช่น บริษัทที่มีการปล่อยมลภาวะน้อย จะประสบปัญหาในด้านกฎระเบียบน้อยกว่า และมีความเสี่ยงที่จะถูกต่อต้านจากชุมชนน้อยกว่า ดังนั้น โอกาสที่ราคาหุ้นจะผันผวนก็จะน้อยกว่าบริษัทที่ปล่อยมลภาวะสูง เพราะอาจถูกทางการใช้กฎเกณฑ์ต่างๆ เข้ามาควบคุม ทำให้ไม่สามารถดำเนินกิจการได้อย่างเต็มที่ รวมถึงอาจจำเป็นที่จะต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มเพื่อให้สามารถลดการปล่อยมลภาวะลงให้เป็นไปตามเกณฑ์ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดซึ่งเกิดขึ้นในต่างประเทศ ได้แก่ การที่รัฐบาลจีนมีการตั้งเป้า ลดการปล่อยคาร์บอน ในขณะที่บริษัทผลิตไฟฟ้าในจีนหลายแห่งยังคงผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ส่งผลให้บริษัทผลิตไฟฟ้าจำเป็นต้องหยุดการผลิตเป็นช่วงๆ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน เป็นผลให้ภาคการผลิตของจีนหยุดชะงัก เป็นต้น
"บลจ.กรุงศรี ให้ความสำคัญกับ ESG เป็นอย่างมาก โดยการพิจารณาลงทุนได้ให้ความสำคัญกับ ESG และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ใช้ประกอบการตัดสินใจ สะท้อนให้เห็นได้จากรางวัล Outstanding Asset Management Company Awards - ESG ประจำปี 2565 จากงาน SET Awards 2022 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้บริษัทที่มีความโดดเด่นในด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี การดำเนินงานด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการกำหนดนโยบายการลงทุนด้าน ESG ของบริษัท" นางสุภาพร กล่าวทิ้งท้าย
ข้อมูลกองทุน KFTHAIESG คลิกที่นี่
สอบถามเพิ่มเติม พร้อมขอข้อมูลหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ.กรุงศรี โทร. 02-657-5757 เว็บไซต์ หรือติดต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา
หมายเหตุ : ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน / ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต / การจัดอันดับดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดอันดับของสมาคมบริษัทจัดการลงทุนแต่อย่างใด
KFTHAIESG คือการลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่ออกโดยผู้ออกที่เป็นภาครัฐไทยหรือกิจการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่ได้รับการคัดเลือกว่ามีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) หรือด้านความยั่งยืน (Environmental, Social and Governance : ESG) จากองค์กรหรือสถาบันที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นต้น และ/หรือ หุ้นของบริษัทที่ตั้งเป้าหมายลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย โดยหุ้นที่กองทุนลงทุนข้างต้นต้องจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV โดยเน้นลงทุนในหุ้นตามดัชนี SETESG ระดับความเสี่ยง 6 : เสี่ยงสูง