แพทย์เผย 'ไวรัส RSV' ระบาดหนักในเด็ก แนะผู้ปกครองให้สังเกต เพราะอาการคล้ายหวัด
แพทย์เผย "ไวรัส RSV" ระบาดหนักในเด็ก แนะผู้ปกครองให้สังเกต อาการคล้ายหวัดแต่อันตรายมากกว่า หากสงสัยควรพบแพทย์ ปล่อยไว้เสี่ยงปอดอักเสบและเสียชีวิตได้
สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ร่างกายอาจปรับตัวไม่ทันทำให้เจ้าตัวน้อยไม่สบายได้ เพราะความชื้นในอากาศที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดีขึ้น พบโรคติดต่อได้หลายโรค หนึ่งในนั้นคือ "โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัส RSV" ที่แพร่ระบาดหนักในเด็ก โรคชนิดนี้มีอาการเริ่มต้นคล้ายไข้หวัด แต่อาจก่อให้เกิดอาการรุนแรงได้มากกว่า โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ถึงขั้นปอดอักเสบและเสียชีวิตได้
นพ.ณัฏฐ์ชยนต์ รัตนตระกูลเดชา หรือ หมอหยก กุมารแพทย์โรคระบบหายใจ ประจำโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ กล่าวว่า โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจาก เชื้อไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) มีสองสายพันธุ์หลักคือ RSV-A และ RSV-B สามารถป่วยซ้ำได้หลายครั้งเมื่อร่างกายอ่อนแอ โรคนี้มักพบระบาดมากในช่วงฤดูฝนถึงต้นฤดูหนาว (ประมาณกรกฎาคม-มกราคม) พบมากในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี เด็กที่ป่วยจะมีอาการเบื้องต้นคล้ายเป็นไข้หวัดธรรมดา มีน้ำมูก ไข้ ไอ จาม ส่วนมากอาการไม่รุนแรง และหายป่วยได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ในเด็กที่มีโรคประจำตัว เช่น จมูกอักเสบภูมิแพ้ ปอดเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ทารกคลอดก่อนกำหนด หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำอาจมีอาการรุนแรงจนเป็นหลอดลมอักเสบ และปอดอักเสบได้ โดยมักมีอาการไข้สูง ไอมีเสมหะมาก ไอมากจนอาเจียน หายใจหอบเหนื่อยจนอกบุ๋ม หายใจแรง หายใจลำบาก หรือหายใจมีเสียงวี้ด ซึม ตัวเขียว ในบางรายอาจทำให้เกิดปอดอักเสบรุนแรงจนถึงขั้นเกิดภาวะระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้ ผู้ปกครองจึงควรหมั่นสังเกตอาการของลูกอย่างใกล้ชิด หากมีอาการดังกล่าว ควรรีบพาลูกน้อยไปปรึกษากุมารแพทย์
โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจาก เชื้อไวรัส RSV เป็นโรคติดต่อเกิดจากการสูดละอองฝอยที่ปนเปื้อนเชื้อผ่านการไอ จาม หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ ผ่านทางตา จมูก ปาก หรือสัมผัสเชื้อโดยตรงจากการจับมือ สำหรับผู้ที่ได้รับเชื้อจะเริ่มแสดงอาการได้เร็วที่สุดหลังจากติดเชื้อ 2 วัน ช้าสุดประมาณ 8 วัน โดยส่วนใหญ่เฉลี่ยอยู่ที่ 4-6 วัน สามารถแพร่กระจายเชื้อได้นาน 3-8 วัน หลังจากเริ่มมีอาการ ไปจนถึง 3-4 สัปดาห์ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก
นพ.ณัฏฐ์ชยนต์ กล่าวถึงการรักษาและการป้องกันโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัส RSV ว่า แพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้นหากพบว่ามีอาการ แพทย์จะทำการตรวจหาเชื้อไวรัส RSV จากสารคัดหลั่งในจมูก ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ถึง 1 ชั่วโมง ก็สามารถทราบผล "ปัจจุบันโรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันและไม่มียารักษาจำเพาะ" แพทย์จะดำเนินการรักษาตามอาการของผู้ป่วย เช่น การให้ยาลดไข้ ให้ยาแก้ไอละลายเสมหะ ในเด็กบางรายที่มีเสมหะปริมาณมากและเหนียวข้น หรือมีอาการหอบเหนื่อยร่วมด้วย อาจต้องพ่นยาขยายหลอดลมหรือน้ำเกลือผ่านทางออกซิเจนละอองฝอย รวมถึงทำหัตถการเคาะปอดและดูดเสมหะออก ให้สารน้ำทางน้ำเกลือในกรณีที่ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้ลดลงหรือไอมีเสมหะมากจนอาเจียน หากมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนอาจจำเป็นที่จะต้องให้ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อร่วมด้วย และในรายที่มีอาการรุนแรงหรือเริ่มมีภาวะหายใจล้มเหลวอาจต้องพิจารณาให้ออกซิเจนแรงดันสูงหรือเครื่องช่วยหายใจ แต่ถ้าหากเด็กมีอาการไม่รุนแรง เบื้องต้นผู้ปกครองสามารถรักษาที่บ้านเองได้ แต่ถ้าไม่ดีขึ้นใน 3-5 วัน หรือมีอาการรุนแรง แนะนำให้พามาปรึกษากุมารแพทย์ที่โรงพยาบาล
สำหรับการป้องกันโรคนี้ทำได้โดยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง สอนให้ลูกน้อยรักความสะอาดล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ สวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในที่แออัดหรือบริเวณสาธารณะ ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือเมื่อมีน้ำมูกคั่ง ทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับผู้ปกครองที่มีความกังวล หรืออาการของเด็กมีข้อบ่งชี้ แนะนำให้เข้าปรึกษากุมารแพทย์ได้ ณ สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือที่แผนกเด็ก โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง
หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่ เว็บไซต์ หรือโรงพยาบาลในเครือฯ ทุกแห่ง อาทิ โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ, โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ 1, โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ 2, โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี, โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ, โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี, โรงพยาบาลพริ้นซ์ ลำพูน, โรงพยาบาลศิริเวช ลำพูน, โรงพยาบาลพิษณุเวช พิษณุโลก, โรงพยาบาลพิษณุเวช พิจิตร, โรงพยาบาลพิษณุเวช อุตรดิตถ์, โรงพยาบาลวิรัชศิลป์ จ.ชุมพร และโรงพยาบาลพริ้นซ์ สกลนคร