จัดเต็ม THE WISDOM NIGHT: A Rhythmic Journey Concert รวมเพลงดี ศิลปินดัง
"เดอะวิสดอมกสิกรไทย" จัดเต็ม "THE WISDOM NIGHT: A Rhythmic Journey" เอกซ์คลูซิฟคอนเสิร์ตแห่งปีกับการรวมตัวของศิลปินเสียงร้องทรงพลังหลายเจเนอเรชัน
เดอะวิสดอมกสิกรไทย จัดเอกซ์คลูซิฟคอนเสิร์ต THE WISDOM NIGHT: A Rhythmic Journey เปิดเวทีประชันเสียงร้องของสุดยอดศิลปินหลากหลายเจเนอเรชัน ที่มาร่วมถ่ายทอดความไพเราะของบทเพลงดังในตำนานของนักประพันธ์เพลงระดับประเทศไทย นำมาเรียบเรียงในรูปแบบออร์เคสตราผสมกับเครื่องดนตรีสมัยใหม่ เพื่อให้ค่ำคืนแห่งเสียงเพลงครั้งนี้มอบความประทับใจให้กับลูกค้า "เดอะวิสดอมกสิกรไทย" โดยมี 3 ผู้บริหาร ได้แก่ ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย, ดร. พิพัฒน์พงศ์ โปษยานนท์ ผู้จัดการใหญ่ และรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ผู้จัดการใหญ่ ต้อนรับแขกคนพิเศษอย่างอบอุ่น
คอนเสิร์ตพิเศษที่มีเพียงรอบเดียว พาทุกคนย้อนอดีตไปกับผลงานเพลงของนักประพันธ์เพลงชื่อดังที่เป็นอมตะ 5 ท่าน 3 ยุค ได้แก่ หลวงสุขุมนัยประดิษฐ ผู้ก่อตั้งวงดนตรีกรมโฆษณาการ ต้นกำเนิดของวงสุนทราภรณ์ ผู้รังสรรค์บทเพลงสร้างความรื่นรมย์ให้ผู้คนยุคนั้นได้มาสังสรรค์และสนุกไปกับการออกมาเต้นรำ
เมื่อเวลาผ่านไป โลกของ "เพลงลูกกรุง" ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร โดย สุรพล โทณะวณิก ผู้จรดปลายปากกาทำให้เกิดบทเพลงอมตะขึ้นหลายเพลง จนได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ
ต่อมาเทคนิคการผลิตเพลงเริ่มมีซินธิไซเซอร์เข้ามาประกอบ เรวัติ พุทธินันท์ ได้นำเทคนิคนี้มาใส่ในเพลง ทำให้เกิดการพลิกหน้าประวัติศาสตร์ไทย เป็นจุดกำเนิดของแกรมมี่ และสร้างนักแต่งเพลงขึ้นมามากมาย
หนึ่งในนั้นคือ "สีฟ้า" นักเขียนเพลงผู้มีสำนวนการเขียนที่อ่อนไหว สะท้อนความรู้สึกเดียวดาย ลึกซึ้ง กินใจ ทุก ๆ ครั้งเวลาที่ได้ฟังบทเพลงของสีฟ้า จะทำให้เราหวนนึกไปถึงเหตุการณ์นั้น ๆ
ในช่วงเวลา 30 ปีที่ผ่านมา มีการรวมวงดนตรีที่สร้างความแปลกใหม่ให้กับคนในวงการ นั่นคือ บอย โกสิยพงศ์ ที่ประพันธ์เพลงด้วยดนตรีตะวันตก มีเนื้อหาให้กำลังใจและเข้าถึงความรู้สึกของคนทุกเพศทุกวัย ทำให้บทเพลงโด่งดังมาจนถึงยุคปัจจุบัน
บทเพลงอมตะของนักประพันธ์เพลงทั้ง 5 ท่านถูกนำมาร้อยเรียงเป็นการเดินทางแสนพิเศษของค่ำคืนนี้ เพียงรอบเดียว เพื่อเป็นค่ำคืนแห่งความทรงจำอย่างแท้จริง
คอนเสิร์ตเปิดตัวด้วยยุคของแผ่นเสียง ศิลปินชายมาดสุขุม เท่ห์ อุเทน พรหมมินทร์ มากับเสียงนุ่ม ๆ หล่อ ๆ ชวนเคลิบเคลิ้ม ในเพลง ลมรัก ที่แต่งโดย สุรพล โทณวณิก ต่อกันด้วยเสียงหวาน ๆ บาดจิตบาดใจ กับศิลปินนักร้องสาว กบ - เสาวนิตย์ นวพันธ์ กับเพลง รักไม่รู้ดับ แต่งโดย สุรพล โทณวณิก
สลับคั่นความวินเทจย้อนยุคด้วยศิลปินนักร้องรุ่นใหม่ แอลลี่ อชิรญา นิติพน ทายาทของศิลปินนักร้องนักแสดงชื่อดัง อ่ำ อัมรินทร์ นิติพน กับ จอย อัจฉริยา อังคสุวรรณศิริ
จากนั้นก็เดินทางเข้าสู่ช่วงเวลาของยุค คาสเซ็ทเทป ที่มี เต๋อ เรวัติ พุทธินันท์ ซึ่งเป็นทั้งนักดนตรี นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ ที่สำคัญคือ เรวัติ เป็นหนึ่งในผู้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการเพลงไทยในยุคนั้น
เปิดฉากด้วยศิลปินหนุ่ม มอส ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ กับเพลง เจ้าสาวที่กลัวฝน ที่แต่งโดย เต๋อ เรวัติ พุทธินันท์ สร้างความคึกคักเป็นอย่างมาก จนทำเอาหลายคนต้องลุกขึ้นมาเต้น พร้อมกับแกว่งกำไลและแหวนสะท้อนแสง สีส้ม สีเขียว ไปมา
สนุกสนานกันต่อด้วยเสียงใส ๆ และจังหวะสนุก ๆ จากศิลปินสาว นัท มีเรีย เบนเนเดดตี้ ร้อนแรงขนาดไหน ดูได้จากหน้าเวทีทำเอาไฟลุกพรึ่บพรั่บกันเลยทีเดียว
หย่อนลงมาเป็นจังหวะสนุก ๆ กับ นัท มีเรีย และ แอลลี่ ด้วยเพลง ผ้าเช็ดหน้า ที่แต่งโดย บอย โกสิยพงษ์ จากนั้น มอส - นัท - แอลลี่ ก็ร่วมกันร้องเพลง หมอกหรือควัน ที่แต่งโดย สีฟ้า ส่งมอบความสุขให้กับผู้ชมอย่างเต็มอิ่ม
ช่วงต่อมาเปลี่ยนบรรยากาศกันนิดหน่อยด้วยการเข็น เปียโน เข้ามาพร้อมกับ วง B 5 นำทีมโดย โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร, เบน ชลาทิศ ตันติวุฒิ, มาเรียม อัลคาลาลี่, เค้ก อุทัย ปุญญมันต์ และดิว สุวีระ บุญรอด
แน่นอนที่สุด มือเปียโนไม่ใช่ใครที่ไหน โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ นี่เอง บรรจงดีดเปียโนทุกคีย์อย่างตั้งใจเพื่อบรรเลงเพลงในค่ำคืนนี้ให้พิเศษสุด ๆ อีกทั้งพลังเสียงของศิลปินทั้ง 4 ก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป 4 คนก็ 4 โทน 4 อารมณ์ 4 สไตล์ ไม่มีใครยอมใคร ทั้งร้องเดียว ร้องประสาน และสลับกันร้อง เพลิดเพลิน จนคนดูร้องตามโดยไม่รู้ตัว
ปิดท้ายด้วย วงดนตรีออร์เคสตร้า ผสมผสานวงดนตรีสมัยใหม่แบบจัดเต็มอีกครั้ง พร้อมเปิดตัวศิลปินคนสุดท้าย นภ พรชำนิ ด้วยเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ยากจะหาใครเลียนแบบ แค่ทักทายด้วยเสียงนุ่ม ๆ สาว ๆ ในฮอลล์ก็กรี๊ดแล้วกรี๊ดอีก มาพร้อมกับบทเพลงที่หลายคนรู้จักกันอย่างดีอีกหลายเพลงอย่างต่อเนื่อง เต็มอิ่มสมใจกับคอนเสิร์ตสุดพิเศษในครั้งนี้