“พริมาอาสา” ปลูกป่าชายเลน ฟื้นฟูระบบนิเวศ ลดคาร์บอน
"พริมา มารีน" เดินหน้าโครงการ พริมาอาสา ปีที่ 2 กำแพงมีชีวิต ปลูกจิตสำนึก สร้างความยั่งยืน จัดกิจกรรม "ปลูกป่าชายเลน” ณ ศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลน บางขุนเทียน : สะพานรักษ์ทะเลบางขุนเทียน ฟื้นระบบนิเวศ เติบโตอย่างยั่งยืน
“ป่าชายเลน” ระบบนิเวศที่ประกอบด้วยพืช สัตว์หลากชนิด ดำรงชีวิตร่วมกันภายใต้สภาพแวดล้อมที่เป็นดินเลน น้ำกร่อย และมีน้ำทะเลท่วมถึงอย่างสม่ำเสมอ ปัจจุบัน ป่าชายเลนไทยมีพื้นที่ 2.86 ล้านไร่ เป็นป่าสมบูรณ์ 1.74 ล้านไร่ ถูกบุกรุกเปลี่ยนสภาพ 1.12 ล้านไร่ การฟื้นฟูป่าชายเลนไม่ใช่แค่ฟื้นฟู ระบบนิเวศ เท่านั้น แต่ยังดูดซับคาร์บอนได้มากกว่าป่าบกถึง 10 เท่า
ป่าชายเลน พบบริเวณชายฝั่งทะเล ปากแม่น้ำ ทะเลสาบและรอบเกาะแก่งต่างๆ ในพื้นที่ชายฝั่งทะเล กระจายอยู่ตามชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ รวม 24 จังหวัด นับเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบนิเวศป่าชายฝั่งทะเล เป็นรอยต่อระหว่างแผ่นดินกับพื้นน้ำทะเล และมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง อีกทั้งยังถือเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ามหาศาลทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม
สำหรับ “ป่าชายเลนบางขุนเทียน” นับเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีความสำคัญ ทิศเหนือ จรดที่ดินของสมาชิกนิคมสหกรณ์บ้านไร่ ยาวประมาณ 4,928 เมตร ทิศใต้ จรดทะเล (อ่าวไทย) ยาวประมาณ 4,764.94 เมตร ทิศตะวันออก จรด จ.สมุทรปราการ กั้นเขตแดนโดยคลองขุนราชพินิจใจ ยาวประมาณ 940.25 เมตร และ ทิศตะวันตก จรด จ.สมุทรสาคร (คลองเสาธง) ต.พันท้ายนรสิงห์ ยาวประมาณ 940.75 เมตร
ศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลนบางขุนเทียน
“วิไล เกิดกรุง” เจ้าหน้าที่งานรักษาความสะอาดชำนาญงาน ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ สำนักงานเขตบางขุนเทียน ซึ่งอยู่ประจำ “ศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลนบางขุนเทียน” เล่าว่า เขตบางขุนเทียนมีชุมชนทั้งหมด 52 ชุมชน ในจำนวนนี้เป็นชุมชนแถบชายทะเล 10 กว่าชุมชน ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำอาชีพประมงเลี้ยงกุ้งหอยปูปลา
จากปัญหาป่าชายเลนเขตบางขุนเทียนที่เสียหายราว 3,000 ไร่ น้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและการทำอาชีพของคนในพื้นที่ กระทั่งในปี 2559 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และ กรมประมง จึงมอบให้กรุงเทพมหานครดูแล มีการฟื้นฟูบริเวณดังกล่าวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และก่อตั้ง “ศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลน บางขุนเทียน” ในปี 2560
“หลังจากมีหลายหน่วยงานเข้ามาร่วมกันปลูกป่าชายเลน ทำให้ปัจจุบัน ป่าชายเลนถูกฟื้นฟูแล้วประมาณ 200 กว่าไร่ พอเริ่มมีการฟื้นฟู ส่งผลดีต่อระบบนิเวศ หากน้ำลดจะมีกุ้งหอยปูปลา อาทิ ปูเปรี้ยว ปูก้ามดาบ จำนวนมาก ระบบนิเวศดีขึ้น การทำอาชีพของคนในชุมชนก็ดีขึ้นด้วย” วิไล กล่าว
ปลูกจิตสำนึก สร้างความยั่งยืน
เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) เดินหน้าโครงการ พริมาอาสา ปีที่ 2 กำแพงมีชีวิต ปลูกจิตสำนึก สร้างความยั่งยืน จัดกิจกรรม “ปลูกป่าชายเลน” ณ ศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลน บางขุนเทียน : สะพานรักษ์ทะเลบางขุนเทียน โดยมีคณะผู้บริหารและพนักงานกว่าเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 40 คน ฟื้นป่าโกงกางกว่า 400 ต้น
“วิริทธิ์พล จุไรสินธุ์” ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เนื่องจากธุรกิจของพริมา เป็นธุรกิจการเดินเรือขนส่งน้ำมันและผลิตภัณฑ์เคมี มีเรือหลายขนาดรวมทั้งหมดประมาณ 49 ลำ เราตระหนักในเรื่องของผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การสร้างคาร์บอนไดออกไซด์ และมีผลต่อก๊าซเรือนกระจก ดังนั้น ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจจึงมีการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันโลว์ซัลเฟอร์ ทดแทนน้ำมันเดิมที่เป็นไฮซัลเฟอร์ กำมะถันน้อยลง หรือการติดอุปกรณ์ Ballast Water ลดผลกระทบต่อความสมดุลของระบบนิเวศ
ขณะเดียวกัน โครงการ “พริมาอาสา” เป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นในการทดแทนสังคมและสิ่งแวดล้อม ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ และสภาพแวดล้อม โดยโครงการฯ ในปีแรก จัดขึ้น ณ ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลน คลองโคน จ.สมุทรสงคราม และต่อยอดสู่ปีที่ 2 ณ ศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลน บางขุนเทียน เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งพื้นที่สำคัญในการรักษาชายฝั่งทะเล เป็นเขตติดต่อระหว่างกรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร สมุทรปราการ หรือที่เราได้ยินคุ้นหูว่า “ทะเลกรุงเทพ”
“ทั้งนี้ การทำงานด้านสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่แค่นโยบายของบริษัท แต่ยังถ่ายทอดจิตสำนึกการอนุรักษ์ให้กับพนักงานด้วย เพื่อให้กับพนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ บริษัทฯ จะขอความร่วมมือพนักงานทานอาหารให้หมด ให้มีขยะน้อยที่สุด และมีถังขยะแยกประเภท เพื่อสร้างการมีส่วนร่วม แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากเราทุกคน มีจิตสำนึกเรื่องนี้โลกจะสวยงามและน่าอยู่” วิริทธิ์พล กล่าว
“เติบโต” อย่างรับผิดชอบสังคม
เนื่องด้วย บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทขนส่งสินค้าน้ำมันทางทะเล จึงต้องปฏิบัติตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากเรือ ให้ความสำคัญและปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎหมายของหน่วยงานกำกับดูแลทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดการกำกับดูแลกิจการของบริษัทและกลุ่มบริษัทที่ดีและยั่งยืน
กัปตันเศกสิษฎ์ ประทุมศรี หัวหน้าคณะทำงานเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม CSR บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) เผยว่า นโยบายของพริมา มารีน พยายามดูแลทั้งด้าน “การป้องกันมลพิษทางอากาศจากการเดินเรือ” โดยมีนโยบายเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงที่มีค่ากำมะถันต่ำ (Low Sulphur Fuel Oil : LSFO) ไม่เกิน 0.5% โดยน้ำหนักเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในเรือ
“การจัดการน้ำอับเฉาเรือ” ติดตั้งระบบบำบัดน้ำอับเฉา (Ballast Water Management System: BWMS) ตามมาตรฐาน องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ลดปัญหาการนำชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ต่างถิ่นไปสู่สิ่งแวดล้อมใหม่ ซึ่งเป็นเอเลี่ยนสปีชีส์ (alien species) กระทบต่อความสมดุลของระบบนิเวศ
“การจัดการขยะบนเรือ” นโยบายติดตั้งเตาเผาขยะบนเรือตามเงื่อนไขและมาตรฐานที่ องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) กำหนด และมีใบสำคัญรับรอง IMO Type Approval Certificate สำหรับเรือทุกลำในกองเรือ
เป้าหมาย คือ ต้องไม่สร้างมลภาวะให้กับทะเล ตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้ รับผิดชอบต่อสังคม บ่มเพาะความรู้ความเข้าใจและสร้างวัฒนธรรมในการปฏิบัติงานอย่างมีธรรมาภิบาลในทุกกระบวนการ เพื่อเสริมสร้างคุณประโยชน์ต่อส่วนรวมไปพร้อมกับการเจริญเติบโตของบริษัทฯ อย่างยั่งยืน