Green & Sustainable Retail ‘เซ็นทรัล รีเทล’ ค้าปลีกต้นแบบยั่งยืนรายแรกเอเชีย
'เซ็นทรัล รีเทล' ตอกย้ำจุดยืนองค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนรายแรกในเอเชีย ด้วยแนวคิดการดำเนินธุรกิจสร้างความยั่งยืนด้วยหลัก ESG ย้ำการเป็น Green & Sustainable Retail มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน
Key Point
- ความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นำมาสู่นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของ 'เซ็นทรัล รีเทล' ตอกย้ำจุดยืนองค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนรายแรกในเอเชีย ด้วยหลักของ ESG
- การมุ่งสู่ Green & Sustainable Retail สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน ดำเนินการผ่านกลยุทธ์ CRC ‘ReNEW’ ในการลดคาร์บอน ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสร้างวิถีชีวิตและเศรษฐกิจที่ดีให้กับชุมชน
- อีกทั้ง เร่งเครื่องภารกิจ เส้นทางสู่ Net Zero ด้วยการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่สีเขียว 50,000 ไร่ในปี 2573 ลงทุนนวัตกรรมลดโลกร้อน และพลังงานหมุนเวียน เป็นต้น
จากความตระหนักถึงความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อองค์กร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นำมาสู่การกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ในการกำกับดูแลให้เกิดการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ ควบคู่กับการวิเคราะห์โอกาสต่างๆ ที่จะนำไปสู่การสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ
ความมุ่งมั่นลงมือทำจริงและทำอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการตอกย้ำจุดยืนองค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนรายแรกในเอเชีย ด้วยแนวคิดการดำเนินธุรกิจสร้างความยั่งยืนใน 3 มิติ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social, Governance : ESG) จนเกิดเป็นผลลัพธ์เชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรมกับทุกภาคส่วนสู่ความสมดุล มั่งคั่ง และยั่งยืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เซ็นทรัล รีเทล ย้ำชัดเจตนารมณ์องค์กรในการเป็น Green & Sustainable Retail ที่มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน เดินหน้าลดคาร์บอน ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสร้างวิถีชีวิต และเศรษฐกิจที่ดีให้กับชุมชน ผ่านกลยุทธ์ CRC ‘ReNEW’ โดยมี ผลลัพธ์การดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพในปี 2565 และ เป้าหมายในระยะสั้นภายในปี 2573 ดังนี้
1. Reduce Greenhouse Gases การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยสามารถใช้พลังงานหมุนเวียนได้ 8% จากการใช้พลังงานทั้งหมด ด้วยการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ 83 สาขา และสถานีประจุไฟฟ้า 58 สาขา รองรับรถยนต์ไฟฟ้าได้ 790 คัน ในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า, ส่งเสริมการใช้รถบรรทุกไฟฟ้าในการขนส่งสินค้า, การติดตั้งตู้เย็นประหยัดพลังงานกว่า 217 ตู้ เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาด 50% ในปี 2573
2.Navigate Society Well-Being การสร้างสังคมให้น่าอยู่ ด้วยการผนึกกำลังคู่ค้าในการปรับปรุงการดำเนินธุรกิจให้ลดขั้นตอน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งด้านโลจิสติกส์ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความพึงพอใจของผู้บริโภคมากที่สุด นอกจากนี้ ยังส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เช่น การจ้างงานคนพิการกว่า 412 คน รวมทั้งให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนและช่องทางการจำหน่าย โดยสามารถสนับสนุนชุมชนมากกว่า 100,000 ครัวเรือน สร้างรายได้กว่า 1,500 ล้านบาท พร้อมกำหนดเป้าหมายในปี 2573 เป็น 5,400 ล้านบาทต่อปี
3. Eco-friendly Product and Packaging การส่งเสริมสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการขยายร้านค้าสีเขียวจำหน่ายสินค้ารักษ์โลก จำนวนกว่า 60 แห่ง เช่น ร้าน Healthiful, Tops Green โดยตั้งเป้าเดินหน้าเปิดเพิ่มเป็น 200 แห่ง รวมทั้งสนับสนุนการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ถึง 6% ด้วยการเพิ่มตัวเลือกสินค้าที่เป็นกรีนโปรดักต์ สินค้าออร์แกนิค สินค้าวีแกน และอื่นๆ พร้อมตั้งเป้าให้ได้ 100%
4.Waste Management การบริหารจัดการขยะมูลฝอย โดยสามารถนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์ได้ 15% ด้วยการแปลงขยะเป็นปุ๋ยหรือแก๊สหุงต้มเพื่อลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบ, การประยุกต์เศรษฐกิจหมุนเวียนผ่าน 3Rs เช่น การรีไซเคิลขวดพลาสติกในโครงการขวดเปล่าไม่สูญเปล่าให้เป็นผ้าห่มกันหนาวให้กับผู้ขาดแคลน, การส่งเสริมให้ลูกค้านำถุงผ้ามาใช้เอง และการรณรงค์คัดแยกขยะอย่างถูกวิธีกับทุกภาคส่วน เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายการนำขยะมาใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้นเป็น 30%
เดินหน้า Net Zero ปี 2593
ทั้งนี้ เซ็นทรัล รีเทล ตระหนักถึงปัญหาวิกฤติสิ่งแวดล้อมซึ่งถือเป็นวาระเร่งด่วนที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน จึงเร่งเครื่องภารกิจ เส้นทางสู่ Net Zero ด้วยการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 ด้วยแนวทางปฏิบัติที่เข้มข้นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการคืนออกซิเจนให้โลกด้วยการฟื้นฟูระบบนิเวศน์ป่าต้นน้ำ และเพิ่มพื้นที่สีเขียวจากการปลูกป่า ตั้งเป้า 50,000 ไร่ในปี 2573 การลงทุนสีเขียวในด้านนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีเพื่อช่วยลดโลกร้อน การส่งเสริมใช้พลังงานหมุนเวียน และพลังงานสะอาดในรูปแบบต่างๆ เช่น การเปลี่ยนผ่านการขนส่งคาร์บอนต่ำเป็นพลังงานไฟฟ้า และบริการจุดเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CRC ย้ำว่า เซ็นทรัล รีเทล ยืนหยัดแน่วแน่ในพันธกิจที่จะขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสมดุลและยั่งยืน พร้อมส่งต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมที่มีคุณภาพในระยะยาวให้กับประเทศชาติต่อไป
ฟื้นป่าชุมชน เศรษฐกิจท้องถิ่น
ทั้งนี้ CRC ได้วางแผนการดำเนินการกิจกรรม ReNEW ตั้งแต่เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน เศรษฐกิจหมุนเวียน เปลี่ยนผ่านสู่การขนส่งคาร์บอนต่ำ การลงทุนสีเขียว ใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน ส่งเสริมสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การจัดการขยะ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวและการปลูกป่า
นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่ทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายในการเดินหน้าพัฒนาความยั่งยืนให้ครอบคลุมทุกมิติ ไม่เพียงแค่การดูแลสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังต้องควบคู่ไปกับการดูแลสังคม เศรษฐกิจชุมชน ให้พัฒนาไปพร้อมกัน โดยโครงการที่ได้ดำเนินการ และเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม มีดังนี้
โครงการฟื้นฟูระบบนิเวศน์ป่าต้นน้ำ และเพิ่มพื้นที่สีเขียว ความร่วมมือระหว่าง บริษัทกับองค์กรภาคี มุ่งฟื้นฟูระบบนิเวศน์ร่วมกับชุมชน ส่งเสริมการทำเกษตรอย่างยั่งยืน นอกจากเป็นการฟื้นฟูพื้นที่ป่าเพื่อเป็นแหล่งกักเก็บก๊าซเรือนกระจกแล้ว ยังสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนในพื้นที่ ผ่านการสร้างรายได้ และการพัฒนาระบบอาหารปลอดภัย การผลิต การแปรรูป การตลาด และการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตทางการเกษตร อีกทั้ง ส่งเสริมการทำการเกษตรผสมผสาน 2,154 ไร่ในปี 2564 และเพิ่มเป็น 5,519 ไร่ ในปี 2565
โครงการ Samui Zero Waste Model จุดเริ่มจากการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางที่เกิดขึ้นในห้างสรรพสินค้าของบริษัทโดยพนักงาน มุ่งเน้นที่การคัดแยกขยะอินทรีย์ ทั้งที่ยังรับประทานได้เพื่อนำไปแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ และที่รับประทานไม่ได้เพื่อนำไปแปรรูปเป็นปุ๋ยอินทรีย์ และก๊าซหุงต้ม สนับสนุนการก่อตั้งวิสาหกิจชุมชนฟาร์มชาวเกาะ เพื่อนำปุ๋ยหมักที่ได้มาใช้ในการเพาะปลูกผัก ผลไม้ ที่จะส่งไปจัดจำหน่ายภายในห้างสรรพสินค้า ในปี 2565 โครงการนี้ช่วยลดขยะอินทรีย์ได้ 41.7 ตัน เทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 106 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และยังสร้างรายได้ให้กับชุมชนจากการขายผัก ผลไม้ ในห้างสรรพสินค้าของบริษัท อีกด้วย
โครงการวิจัยเพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ทางชีวภาพจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร โดยร่วมมือกับบริษัทบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม (GRACZ) และสถาบันค้นคว้า และพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ค้นคว้าวิจัยเพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (Compostable Packaging) จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ยืดอายุการเก็บรักษาอาหารนานขึ้น ลดปริมาณอาหารเหลือทิ้ง และมีแผนที่จะนำมาใช้จริงภายในปี 2567 สร้างรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ได้ทำการจำหน่ายฟางข้าว และชานอ้อยให้กับบริษัท
โครงการถุง U Bag เกาะสมุย ร่วมกันกับพนักงานของบริษัท ภาคีในพื้นที่เกาะสมุย และวิสาหกิจชุมชนสมุยยั่งยืน เริ่มจากการรวบรวมเศษสแลนกันแดดหรือตาข่ายกรองแสงที่เหลือจากกระบวนการผลิตของโรงงานบนเกาะสมุย เพื่อนำส่งให้กับชุมชนไปแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า ตัดเย็บเป็นถุงผ้าแล้วจึงนำไปใช้ขายในห้างสรรพสินค้า โรงแรม และร้านอาหารภายในเครือบริษัท เป็นการเพิ่มการตระหนักรู้ด้านปัญหาสิ่งแวดล้อมของชุมชนและลูกค้า ช่วยสร้างรายได้ให้กับวิสาหกิจชุมชนสมุยยั่งยืน จากการจำหน่ายถุงวนจำนวน 1,050 ใบ คิดเป็นเงินมูลค่า 94,000 บาท
โครงการส่งเสริมสินค้าเกษตรอินทรีย์และสินค้า OTOP ส่งเสริมเกษตรกรรุ่นใหม่และชุมชนให้เกิดการต่อยอดผลผลิตทางการเกษตรให้มีมูลค่าเพิ่ม และมีความทันสมัยผ่านการสนับสนุนองค์ความรู้ในกระบวนการผลิตตั้งแต่การออกแบบและพัฒนาสินค้า การตัดแต่ง และบรรจุภัณฑ์โดยวิธีธรรมชาติ การนำสินค้าเข้ามาวางจำหน่ายในรูปแบบ Modern Trade จนถึงช่องทางการจัดจำหน่าย การจัดหาวัตถุดิบที่ผลิตโดยการเกษตรอินทรีย์จะช่วยให้ชุมชนเกิดการอนุรักษ์พื้นที่ป่า และอนุรักษ์พันธุ์พืชตามสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication: GI) ในปี 2565 บริษัท มียอดขายสินค้าเกษตรอินทรีย์ กว่า 365 ล้านบาท และมียอดขายสินค้า OTOP กว่า 144 ล้านบาท
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์