สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าชี้ เทรนด์นโยบายรัฐหนุนจดทะเบียนใหม่อีวีพุ่ง

กฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยกล่าวในงานสัมมนา “Innovation Keeping the World นวัตกรรมรักษ์โลก ไทยอยู่จุดไหน” จัดโดยสปริงนิวส์ ว่าเทรนด์ของโลกในปัจจุบัน ในการเปลี่ยนเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกนั้นปี 2560 รถยนต์สันดาปขายได้ 85.9 ล้านคัน ขนาดที่รถอีวีขายได้ 1.21 ล้านคัน ในปี 2565 รถเครื่องยนต์สันดาปขายได้ 63.2 ล้านคัน ขนาดที่รถอีวีขายได้ 10.6 ล้านคัน ประเทศไทยกำลังพัฒนาพลังงานสะอาดให้เข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น และลดการใช้พลังงานจากถ่านหินให้น้อยลง

โดยตลาดรถยนต์ในประเทศไทย รถยนต์ไฟฟ้าที่จดทะเบียนใหม่ นั้นอัตราการเติบโตรถทุกประเภทที่วิ่งอยู่บนท้องถนน โดยการเติบโตของ BEV 20,816 คัน PHEV 11,331คัน HEV 64,035 คัน ซึ่งเติบโตจากปีที่แล้วอยู่ที่ 400% เนื่องจากนโยบายของภาครัฐที่มีการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ไม่เพียงรถยนต์พี่เปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวในปัจจุบันรถมอเตอร์ไซค์ก็หันมาเปลี่ยนเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามากขึ้นเนื่องจากมีการจ่ายค่าเชื้อเพลิงที่ประหยัดกว่าสะดวกกว่าโดยการถอดแบตเตอรี่แล้วใช้งานต่อได้เลย นิยมมากในกลุ่มไรเดอร์ มีการสนับสนุนให้ใช้รถสาธารณะไฟฟ้ามากขึ้นอย่างรถบัส โดยสอดคล้องนโยบายของภาครัฐในปัจจุบัน ที่หันมาสนับสนุนพลังงานสะอาดมากขึ้น และปรับตัวใช้ในภาคการขนส่งทุกจังหวัด

 

ในปี 2567 จะมีการประกอบรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยตามนโยบายของภาครัฐที่สนับสนุนให้ประกอบรถไฟฟ้าในประเทศไทย ตามจำนวนการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้ามาจากเมืองนอกที่จำหน่ายในปัจจุบัน โดยประเทศไทยมีบทบาทแค่การผลิต ไม่ได้มีบทบาทที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมในการผลิตรถยนต์

แต่ในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาระบบต่างๆ ให้สอดคล้องกับการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น Future Mobility อย่างการแชร์รถไฟฟ้า ให้เช่าอย่างการใช้แอปเข้าไปเปิดประตูรถ ขับรถ ใช้ในวันที่เราต้องการใช้ และการพัฒนาสถานีชาร์จให้มีหัวชาร์จที่เร็ว และเพิ่มหัวจ่ายให้มากขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน โดยแผนในอนาคตของประเทศไทยนั้น ในปี 2025 จะมียานพาหนะทุกชนิด ZEV 30% และเป็น 50% ในปี 2030 และเป็น 100% ในปี 2035 และรถยนต์ต้องรีไซเคิลได้เพื่อความยั่งยืนในอนาคต

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์