สูงวัย - รับจ้างทั่วไป เชื่อมั่นรัฐบาล “เศรษฐา” สวนทางคนทำงาน และคนรุ่นใหม่
หลังรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแถลงนโยบาย และเริ่มเข้าสู่การบริหารประเทศเมื่อต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ก้าวย่างทางการเมืองกับมุมมองของประชาชนต่อรัฐบาลใหม่ และนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะเป็นอย่างไร
เนชั่นโพล ร่วมกับ สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ความเชื่อมั่นในการบริหารงานของรัฐบาลหลังแถลงนโยบาย 2566” โดยดำเนินการสำรวจในช่วงวันที่ 14-16 ก.ย. 2566 ในกลุ่มประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค อาชีพ และระดับการศึกษา ทั่วประเทศ รวมจำนวน 1,227 ตัวอย่าง
ผลการสำรวจชี้ว่าความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ในการบริหารประเทศ หลังรับฟังแถลงนโยบายต่อรัฐสภาพบว่า
ประชาชน 45.89% มีความเชื่อมั่นปานกลาง 23.26% ไม่ค่อยเชื่อมั่น และ 13.40% ไม่เชื่อมั่นเลย ในขณะที่ มีประชาชนเพียง 12.99% เชื่อมั่นมาก และ 4.45% เชื่อมั่นมากที่สุด
หากพิจารณาตามลักษณะทางประชากรและการเลือก สส. บัญชีรายชื่อในสังกัดพรรคต่างๆ ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา พบว่า
ประชาชนกลุ่มอายุ 46-59 ปี และ 60 ปีขึ้นไป มีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลเศรษฐา มากกว่ากลุ่มอายุ 18-25 ปี และกลุ่มอายุ 26-35 ปี ขณะที่หากจำแนกเป็นกลุ่มอาชีพก็จะพบว่า ประชาชนที่มีอาชีพรับจ้างทั่วไปและแม่บ้าน/พ่อบ้าน/เกษียณและรับจ้างทั่วไป จะมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลเศรษฐา มากกว่ากลุ่มอาชีพอื่น ส่วนกลุ่มอาชีพนักเรียน และนักศึกษา จะมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลเศรษฐา น้อยกว่ากลุ่มอาชีพอื่น
ส่วนระดับการศึกษาพบว่าระดับการศึกษาระดับปริญญาตรี และระดับอนุปริญญา/ปวส. จะมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลเศรษฐา น้อยกว่ากลุ่มระดับการศึกษาอื่น
ส่วนประชาชนที่เลือก สส. บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย จะมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลเศรษฐา มากกว่ากลุ่มอื่น ในขณะที่ ประชาชนที่เลือก สส. บัญชีรายชื่อของพรรคก้าวไกล มีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลเศรษฐา ต่ำที่สุด
เมื่อถามถึงนโยบายที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลทำมากที่สุดคือ ลดค่าพลังงาน ไฟฟ้า น้ำมัน ก๊าซหุงต้ม สัดส่วน 24.01% นโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet 20.73%
อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ที่จะทำให้นโยบายสำเร็จได้นั้น อันดับ 1 คือ การสร้างรายได้เกษตรกรรม การประมง และปศุสัตว์ “ตลาดนำนวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” สัดส่วน 52.72% ,นโยบายปราบยาเสพติด ยึดทรัพย์ผู้ผลิต และผู้ค้า เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย สัดส่วน 51.08% และเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet สัดส่วน 50.68%
ในทางตรงกันข้ามเมื่อถามว่าไม่อยากให้ทำนโยบายอะไรมากที่สุดคำตอบคือ กัญชาทางการแพทย์ และสุขภาพเพื่อสร้างมูลค่า ในเชิงเศรษฐกิจ สัดส่วน 28.02%
ทั้งนี้ ประชาชน 41.74% เลือก สส. พรรคก้าวไกล 30.85% เลือก สส. พรรคเพื่อไทย 12.97% เลือก สส. พรรครวมไทยสร้างชาติ 3.44% เลือกภูมิใจไทย 2.92% เลือก สส. พรรคประชาธิปัตย์ 2.01% เลือก สส. พรรคพลังประชารัฐ 1.78%
“สำหรับสัดส่วนกลุ่มตัวอย่างประชากรในการเลือก สส.บัญชีรายชื่อพรรคต่างๆ ที่สัดส่วนมีความแตกต่างกัน อาจมีผลต่อเปอร์เซ็นต์การตอบคำถามข้อต่างๆ ในแบบสำรวจนี้ อันเนื่องจากทัศนคติของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อรัฐบาล และฝ่ายค้านในขณะที่ทำการสำรวจ”ผลสำรวจระบุ
หมอกควันทางการเมืองคลี่คลายแล้วหลังตั้งรัฐบาลใหม่ หมุดหมายการทำงานผ่านการแถลงนโยบายเป็นจุดสตาร์ตการทำงาน ซึ่งผลสำรวจ “เนชั่นโพล” จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยรัฐบาลใหม่เข้าใจความคิดของประชาชน ที่แม้ผลสำรวจบอกว่าประชาชนบางกลุ่มยังไม่เชื่อมั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เชื่อมั่นตลอดไป เมื่อหนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลา และผลงานจะพิสูจน์ความเชื่อมั่นรัฐบาลใหม่เอง
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์