'พริมาอาสา' ปี 3 ฟื้นป่าชายเลน สร้างกำแพงชีวิต สู่ความยั่งยืน

Key Point : 

• ประเทศไทยมี 'ป่าชายเลน' กระจายอยู่ใน 24 จังหวัด นอกจากเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ สร้างสมดุลระบบนิเวศแล้ว ยังช่วยป้องกันน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง
• 'ป่าชายเลนบางขุนเทียน' ถือเป็นพื้นที่เขตเดียวของกรุงเทพมหานคร ที่มีพื้นที่ติดกับอ่าวไทย แต่เดิมพบปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง การปลูกป่าชายเลน จึงเป็นหนึ่งหนทางในการฟื้นระบบนิเวศให้สมบูรณ์
• ล่าสุด 'พริมา มารีน' ต่อยอดโครงการ พริมาอาสา ปีที่ 3 จัดกิจกรรม 'ปลูกป่าชายเลน' ณ ศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลน บางขุนเทียน โดยมีคณะผู้บริหารและพนักงานเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 50 คน ฟื้นป่าโกงกาง 150 ต้น พร้อมกับปล่อยปูม้าและปูแสม 1,500 ตัว

 

'ป่าชายเลน' มีความสำคัญกับระบบนิเวศทั้งพันธุ์พืชและสัตว์บกสัตว์น้ำนานาชนิด รวมถึงมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของชุมชนโดยรอบ เนื่องจากเป็นแหล่งอนุบาลตัวอ่อนของสัตว์น้ำชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปู กุ้ง ปลา และหอย ซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญ อีกทั้งยังเปรียบเสมือนเขื่อนที่ช่วยป้องกันการพังทลายชายฝั่งจากคลื่นลม

 

ประเทศไทย มีพื้นที่ป่าชายเลนกระจายอยู่ตามชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ รวม 24 จังหวัด และหนึ่งในพื้นที่สำคัญ คือ 'ป่าชายเลนบางขุนเทียน' ถือเป็นเขตเดียวในกรุงเทพมหานคร ที่มีพื้นที่ติดกับอ่าวไทย ในปี 2511 – 2526 พื้นที่ดังกล่าว ถูกน้ำทะเลกัดเซาะเสียหาย ทำให้ชาวบ้านพยายามป้องกันพื้นที่ของตนเองโดยการทิ้งหินตามแนวชายฝั่งปิดล้อมดิน

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

• "พริมา มารีน" ยกทีมพนักงานลุย "พริมาอาสา ปี 2" ปล่อยเต่า-ฉลามคืนสู่ธรรมชาติ
• ‘พริมาอาสา ปีที่ 3’ ปลูกป่าบก 15 ไร่ ช่วยดูดซับคาร์บอน ลดอุณหภูมิโลก
• ‘ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคน’ อนุบาลสัตว์น้ำ-สร้างรายได้ชุมชน อย่างยั่งยืน

 

 

กระทั่งกรุงเทพมหานครเข้ามาดูแล ดำเนินการป้องกันปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะในปี 2528 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งมูลนิธิปลูกป่าในใจคน ตามศาสตร์พระราชา ดูแลพื้นที่ดังกล่าว ภายใต้ความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ สำนักงานเขตบางขุนเทียน และภาคเอกชนที่เข้ามามีส่วนร่วมในการเพิ่มพื้นที่ป่า ฟื้นระบบนิเวศให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง

 

อาสา เพิ่มพื้นที่ป่าชายเลน

ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2566 กลุ่มบริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจการขนส่งทางทะเลและสนับสนุนกิจการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในทะเลอย่างครบวงจร เดินหน้าเจตนารมณ์เพิ่มพื้นที่ป่าไม้ ตามแนวนโยบายเพิ่มพื้นที่สีเขียว ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ของไทย ต่อยอดโครงการ พริมาอาสา ปีที่ 3 'อาสาปลูกป่าบนภู ฟื้นฟูป่าชายเลน สร้างกำแพงมีชีวิต ลดคาร์บอนสู่ความยั่งยืน' จัดกิจกรรม 'ปลูกป่าชายเลน' ณ ศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลน บางขุนเทียน : สะพานรักษ์ทะเลบางขุนเทียน โดยมีคณะผู้บริหารและพนักงานกว่าเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 50 คน ฟื้นป่าโกงกางกว่า 150 ต้น พร้อมกับปล่อยปูม้าและปูแสมรวมกว่า 1,500 ตัว

 

'นิภัทร เอี่ยมศิริวัฒน์' กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิ๊กซี จำกัด (บริษัทในเครือของกลุ่ม บริษัท พริมา มารีน) กล่าวว่า การปลูกป่าโกงกาง เป็นการลดคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจก และจะช่วยให้โลกร้อนน้อยลง เป็นกิจกรรมดีๆ ที่บริษัทมีเจตนารมย์ให้พนักงานตระหนักถึงภาวะโลกร้อนที่เริ่มส่งผลกระทบต่อหลายพื้นที่ทั่วโลก

 

ทั้งนี้ พริมา มารีน มีเป้าหมายในการลดคาร์บอนไดออกไซด์ โดยอิงตามเป้าหมายของภาครัฐ ที่เดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี ค.ศ. 2050 และ Net Zero ในปี ค.ศ. 2065

 

 

 

'กัปตันเศกสิษฎ์ ประทุมศรี' หัวหน้าคณะทำงานด้านงานกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ของกลุ่มบริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ใน 'ด้านความยั่งยืน' ให้ความสำคัญและคำนึงถึงการปฏิบัติตามอนุสัญญาสากลระหว่างประเทศ ว่าด้วยการป้องกันการปล่อยมลภาวะทางทะเลอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดการดำเนินงานของบริษัทและกลุ่มบริษัทที่ดีและยั่งยืน ทำอย่างไรให้เรือทุกลำไม่ปล่อยมลภาวะสู่สิ่งแวดล้อมทางทะเล ไม่ว่าจะเป็น การป้องกันมลพิษทางอากาศจากการเดินเรือเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงที่มีค่ากำมะถันต่ำ ติดตั้งระบบบำบัดน้ำอับเฉา และการจัดการขยะบนเรือ

 

สร้างการมีส่วนร่วมพนักงาน

ในส่วนของพนักงานประจำสำนักงาน พริมา มารีน มีนโยบายส่งเสริมพัฒนา รณรงค์ให้พนักงานตระหนักถึงภาวะโลกร้อน เช่น ปรับเปลี่ยนการแจกขวดน้ำพลาสติกแก่พนักงาน มาสนับสนุนให้ทุกคนมีขวดน้ำประจำตัว ลดการใช้ช้อนส้อมพลาสติก โดยให้ทุกคนมีช้อนส้อมของตนเอง รวมถึงการแยกขยะที่สำนักงานเพื่อส่งให้แม่บ้านจัดการอย่างถูกต้อง และอยู่ในระหว่างกระบวนการทำคาร์บอนเครดิต

 

 

“กิจกรรมปลูกป่าชายเลนในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมความตระหนักเรื่องของสิ่งแวดล้อมให้กับพนักงาน ซึ่งได้รับความสนใจจากพนักงานจำนวนกว่า 50 คน ทุกคนอยากจะมีส่วนร่วมในการช่วยลดโลกร้อน และทำกิจกรรมร่วมกันในการปลูกป่าโกงกาง ปล่อยปู คืนสัตว์น้ำที่เป็นสัตว์เศรษฐกิจสู่ทะเล คืนกำไรสู่ธรรมชาติ ทั้งนี้ พริมา มารีน จะยังคงเดินหน้าสานต่อกิจกรรมดีๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูป่าชายเลนซึ่งถือเป็นระบบนิเวศที่สำคัญของไทยต่อไป” กัปตันเศกสิษฎ์ กล่าว

 

 

ธรรมชาติอยู่รอด คนอยู่ได้

สำหรับพื้นที่ป่าชายเลนบางขุนเทียน ถือเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลกัดเซาะค่อนข้างหนัก เนื่องจากเป็นอ่าวตัว ก. โดยพื้นที่เฉพาะหน้าทะเลกรุงเทพมหานคร ราว 4.7 กิโลเมตร มีพื้นที่หายไปกว่า 3,000 ไร่

 

'ศศิพิมพ์นภา สื่อเฉย' เจ้าหน้าที่มูลนิธิปลูกป่าในใจคน ตามศาสตร์พระราชา เผยว่า บางขุนเทียน มีปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง เบื้องต้นเราทำแนวชะลอคลื่นทั้งหมด 4 แนว โดยใช้ไม้ไผ่ช่วยชะลอคลื่น ดักหน้าตะกอนดิน แต่ปัญหาที่ตามมา คือ เมื่อผ่านไป 3 ปี ไม้ไผ่มีการผุพัง เวลาหน้ามรสุมน้ำจะขึ้นมิดไม้ไผ่และเกิดผลกระทบตามมา หลังจากนั้นมีการนำเสาไฟฟ้าที่ไม่ใช้แล้วมาช่วยในการเป็นแนวป้องกันคลื่น

 

 

“มูลนิธิฯ จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลโครงการนี้ เบื้องต้นได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ และต่อยอดในการเปิดให้นักศึกษา นักเรียน และองค์กรเข้ามามีส่วนร่วมในการปลูกป่า บริหารจัดการโดย สำนักงานเขตบางขุนเทียน และได้รับความร่วมมือจากพี่ๆ ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ ผลัดเวรดูแลป่าชายเลนทั้งหมด 8 แปลงตามแนวชะลอคลื่น ปรับปรุง ซ่อมแซมต้นไม้ที่มีการชำรุด เสียหาย โดยใช้เวลาส่วนตัวหลังเลิกงาน ลงพื้นที่เข้ามาดูแลร่วมกัน”

 

ทั้งนี้ วัฏจักรป่าชายเลน นอกจากจะกลายเป็นปุ๋ยและเป็นอาหารให้สัตว์ต่างๆ ที่อยู่บริเวณหน้าดินแล้ว ยังช่วยสร้างระบบนิเวศทำให้สัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์ ได้รับอากาศที่ดีจากป่า นอกจากนี้ จากการติดตามดูแลของเจ้าหน้าที่ประจำแปลง พบว่า การปลูกป่าชายเลนทำให้หน้าตะกอนดินสูงขึ้น ความหนืดของหน้าดินมีมากขึ้น อีกทั้ง ยังมีการทดลองปลูกในท่อ ซึ่งจะช่วยดูแลบริเวณราก ลดแรงปะทะ ช่วยชะลอคลื่นได้ดีขึ้นอีกด้วย

 

 

“พอมีการปลูกป่าชายเลนเพิ่มขึ้น เห็นได้ชัดว่ามีสัตว์ทะเลเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเวลาน้ำลดจะสังเกตได้ว่าทุกท่อที่เราปลูกต้นไม้ลงไป จะมีหอยนางรมมาเกาะ บางแปลงมีปลาตีน ปูแสม ปูก้ามดาบ และสัตว์น้ำอื่นๆ เยอะขึ้น สามารถสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน อีกทั้ง เมื่อมีภาคเอกชนเข้ามาช่วยกันปลูกป่าชายเลน นอกจากจะเป็นการเพิ่มพื้นที่ป่าแล้วยังถือเป็นการสนับสนุนต้นกล้าของคนงานที่มีความตั้งใจในการเพาะ อีกทั้ง รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ทางมูลนิธิฯ ยังสามารถเก็บไว้เป็นกองกลาง เพื่อดูแลพื้นที่ต่อไป” ศศิพิมพ์นภา กล่าว

 

ปัจจุบัน พื้นที่ป่าชายเลนบางขุนเทียน ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยเฉพาะในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาปั่นจักรยานชมธรรมชาติจำนวนมาก ดังนั้น นอกจากรายได้จากการทำประมงแล้ว ชาวบ้านยังสามารถสร้างรายได้จากการขายอาหาร และบริการจักรยานให้แก่นักท่องเที่ยวเพิ่มเติมอีกด้วย