'บางจาก' ชี้ ฟอสซิลยังคงจำเป็น การเปลี่ยนผ่านพลังงานต้องใช้ 'เงิน - เวลา'
"บางจาก" ระบุ เชื้อเพลิงฟอสซิลยังคงจำเป็น การเปลี่ยนผ่านพลังงานต้องใช้ทั้ง "เงิน-เวลา" เพื่อลดคาร์บอน และเพิ่มสัดส่วนเชื้อเพลิงสะอาดร่วมดูแลโลก ตั้งเป้า 5 ปี ลงทุนธุรกิจคาร์บอนต่ำ 60%
นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และประธาน Carbon Markets Club กล่าวในงาน “SUSTAINABILITY FORUM 2024” ในหัวข้อ "Net Zero Milestone Plan" จัดโดย "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า โลกนี้จะยั่งยืนจะต้องเกิดจากความร่วมมือกับทุกภาคส่วน บางจากให้ความสำคัญในเรื่องของความสมดุล ถือเป็นกำไรที่ได้ แต่ต้องมองด้วยว่าจะมองกำไรบางส่วนกลับคืนให้กับสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอย่างไร
ทั้งนี้ ความท้าทายด้านพลังงานมี 3 ประการ ที่บางจาก ให้ความสำคัญ โดยบางจากก้าวสู่ปีที่ 40 ตลอดระยะเวลาได้ฟังเรื่องของ ESG เข้ามาในธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากโรงกลั่นขยายมาสู่สถานีน้ำมันชุมชนที่ดำเนินการโดยสหกรณ์การเกษตร ได้มีปั๊มน้ำมัน จึงฝั่งเข้าไปในทุกอย่างในธุรกิจโดยมองทุกด้านอย่ามองแค่การทำ CSR
อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บางจาก ได้ปรับเปลี่ยนองค์กรมาโดยตลอด เพื่ออยากให้เห็นภาพว่าการที่โลกได้มีการพัฒนามามากขึ้น และหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยืนยันว่าประเทศไทยยังต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลมาก โลกเราบริโภคพลังงานต่อวัน 1.7 ล้านล้านล้านจูนต่อวัน หรือเปรียบเทียบได้กับพลังงานที่ใช้ในเครื่องบินแอร์บัส 320 บินรอบโลกวันละ 3.5 แสนรอบต่อวัน หรือการเดินทางไป-กลับระหว่างโลกกับดวงจันทร์ วันละ 37,000 รอบ นี่คือพลังงานที่เราใช้ต่อวัน
"เรายังจำเป็นที่จะต้องใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลแต่จะใช้อย่างไรให้ต้องดูแลโลกด้วย เพราะการเปลี่ยนผ่านไม่สามารถทำได้แค่ชั่วข้ามคืน ต้องใช้ทั้งเวลา เทคโนโลยี และเงิน จะเห็นว่าการเปลี่ยนรถมาวันนี้ใช้ทั้งเงิน และเวลามาก จนมาถึงใช้รถอีวี หรือเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเกิดไม่ได้ข้ามคืน เราจะไปสู่พลังงานสะอาดได้จะต้องเปลี่ยนผ่าน"
ทั้งนี้ บางจากได้ขยายสถานีบริการน้ำมันสิ้นปีนี้ที่ 2,203 แห่ง พร้อมมุ่งสู่ธุรกิจพลังงานสีเขียว โรงไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์พลังงานลม น้ำ ก๊าซธรรมชาติ ที่ดำเนินธุรกิจทั้งในประเทศไทย ลาว เวียดนาม ญี่ปุ่น ไต้หวัน ดำเนินธุรกิจต้นน้ำในนอร์เวย์ และหวังว่าจะนำประสบการณ์บริหารจัดการมาทำธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีพื้นที่ทั่วโลกที่สามารถทำพลังงานสะอาดได้ ในขณะที่การลงทุนขุดเจาะในโลกหายไปเยอะ เกิดช่องว่างดีมานด์ และซัพพลาย บางจากยังยึดมั่นนโยบายสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และให้ความสำคัญในธุรกิจสีเขียว ตั้งเป้า 5 ปี ข้างหน้าจะลงทุนด้านโลว์คาร์บอน 60% โดยใน 5 กลุ่มธุรกิจหลักจะต่อยอดให้เป็นกรีนมากขึ้น
"เรามองว่าในช่วง 5-10 ปีนี้ จะไม่เห็นรถบรรทุกใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนอย่างแน่นอน ดังนั้น เราจะทำอย่างไรให้ทุกการขนส่งมีเชื้อเพลิงสีเขียวมากขึ้น"
ทั้งนี้ กลุ่มบางจากได้เดินหน้าเรื่อง Sustainable Fuel คือ โครงการ "ทอดไม่ทิ้ง" เพื่อนำน้ำมันที่ใช้ในการทอดอาหาร หรือน้ำมันทอดที่ใช้แล้วนำมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ SAF โดยบางจากกำลังสร้างโรงงานกลั่นน้ำมันใช้แล้วเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงเครื่องบิน คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงสิ้นปี 2567 และเดินเครื่องผลิตน้ำมันเครื่องบินได้ในกลางปี 2568 โดยคาดว่าโรงงานที่สร้างขึ้นจะผลิตน้ำมันเครื่องบินได้วันละ 1 ล้านลิตร
นางกลอยตา กล่าวว่า Carbon Markets Club ถือเป็น 1 ในแผนที่จะสร้างเน็ตซีโร่ อีโคซิสเต็ม รองรับการซื้อขายคาร์บอน การจะก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero จะต้องลงทุนเพื่ออนาคตให้ลูกหลานมีโลกที่สะอาด โดยรวมตัวกัน 10 องค์กร ตลอด 2 ปีที่มีสมาชิกกว่า 700 สมาชิก และมีการซื้อขายแล้วเทียบเท่าการปลูกป่า 150 ล้านต้น
"เราจะบอกคนอื่นว่าเราเขียวไม่ได้ หากองค์กรไม่ตระหนักรู้ เรามี KPI ให้พนักงานทำ CSR ในที่ทำงานฝังอยู่ใน DNA ซึ่ง 2 ปีที่แล้วมีเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน วันนี้เพิ่มในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พนักงานมีการแยกขยะ ปิดไฟเมื่อเลิกใช้ และใช้น้ำมันบางจากที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น"
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์