ทส. ย้ำตั้งเป้า 'ลดโลกร้อน' ให้สำเร็จ ต้องมีกฎหมาย ประชาชนร่วมมือ

 

จตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวในช่วง Special Talk: COP28: Thailand’s milestone for Climate Change ภายในงาน SUSTAINABILITY FORUM 2024 จัดโดย กรุงเทพธุรกิจ ว่า การประชุม COP28 เมื่อวันที่ 30 พ.ย. – 12 ธ.ค. 66 ณ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ว่ามีการตั้งเป้าการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานโดยจะลดการปล่อยมลพิษลงให้ได้ 43 % ภายในปี 2030 และลดลงให้ได้ 60 % ในปี 2050 หากอุณหภูมิเกิน 1.5 องศา ประเทศไทยจะเป็น 1 ใน 10 ของโลกที่ได้รับผลกระทบอย่างสูง

 

ทั้งนี้ ในการประชุม เน้น 4 ประเด็นสำคัญ คือ

ประเด็นที่ 1 เร่งเปลี่ยนผ่านพลังงาน ลดและยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ภายในปี 2050 เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน 3 เท่า ในปี 2030 เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 2 เท่า ในปี 2030 

ประเด็นที่ 2 การปรับตัว ให้ความสำคัญกับการปรับตัวต่อผลกระทบจาก Climate Change รวมถึงการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการลดก๊าซเรือนกระจกและปรับตัว

ประเด็นที่ 3 การเงิน เน้นย้ำความสำคัญของการเงิน เพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเริ่มดำเนินงานของกองทุนใหม่ ด้าน Loss and Damage 

ประเด็นที่ 4 ความมีส่วนร่วม การสร้างความเข้มแข็งในความร่วมมือทั้งภายในและระหว่างประเทศ ระหว่างภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพ และยกระดับการดำเนินงานด้าน Climate Change

 

 

 

อีกทั้ง ยังมีการทบทวนสถานการณ์และการดำเนินงานระดับโลก Global Stocktake ครั้งแรก โดยภาคีจะร่วมพิจารณาผลการดำเนินงานของภาคีที่ผ่านมาและที่ประกาศไว้ ว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมาย ของความตกลงปารีส (Paris Agreement) ได้หรือไม่ รวมทั้งจะมีการทบทวนและยกระดับการดำเนินการทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ

 

ขณะเดียวกันยังมีการลงนาม 2 เรื่อง คือ เรื่องอาหารและเกษตร และ การเป็นสมาชิก Climate Club ซึ่งจัดตั้งโดยกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา เพื่อให้มีการระดมทุน สำหรับประเทศไทยผ่าน ค.ร.ม. เรียบร้อยแล้ว ในวันนี้เราลดการปล่อยมลพิษลงให้ได้ 32 % ขณะที่อีก 8 % จะต้องใช้เงินลงทุนจากต่างประเทศ ประเทศไทยต้องพัฒนาเพื่อไปสู่เป้าหมาย

 

“การทำความเข้าใจประชาชนเป็นเรื่องใหญ่ ลำพังภาครัฐไม่สามารถทำได้สำเร็จ ต้องอาศัยความร่วมมือของเอกชน และมีกฎหมายในการดำเนินการ วันนี้ ร่าง พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ..อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น และเพิ่มหมวดที่ 8–10 ทั้งเรื่องระบบซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ระบบภาษีคาร์บอน และ คาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญในการบังคับใช้”

 

 

 

กฎหมายอากาศสะอาด ขณะนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้เสนอผ่าน ค.ร.ม. เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างกฤษฎีกา และนำเสนอเข้าสภาผู้แทนราษฎรเพื่อออกเป็น พ.ร.บ. เพื่อออกให้ประชาชนเพื่อแก้ปัญหาอย่างแท้จริง สุดท้าย ประเทศไทยยั่งยึดมั่นในเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลงและจะเร่งรัดให้เร็วกว่าเดิม

 

“COP28 ได้รูดม่านลงไปแล้ว เชื่อว่าการทำงานของประเทศไทย เป้าหมายต่างๆ เราไปได้ดี ในอาเซียนเราไม่เป็นรองใคร หากเรามีกฎหมายบรรลุออกมา เชื่อว่าไปได้ฉลุยในการแก้ปัญหา” จตุพร กล่าวทิ้งท้าย