Waste Not, Want Not กระตุ้นให้คิดถึงอะไร
สุภาษิตอังกฤษเก่าเเก่หลายร้อยปี ”Waste Not, Want Not (ไม่สูญเปล่า ไม่ต้องการ) ทำให้คิดต่อเนื่องไปถึงเรื่องของ Sustainability (ความยั่งยืน) คำยอดฮิตระดับโลก และประเด็นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ลองดูกันว่ามันเชื่อมต่ออย่างไรเเละกระตุ้นให้คิดถึงอะไรบ้าง
คำจำกัดความของ Sustainability ก็คือ “พัฒนาการซึ่งสนองตอบความต้องการของคนรุ่นปัจจุบัน โดยไม่ทำให้คนรุ่นต่อไปมีความสามารถน้อยลงในการตอบสนองความต้องการของเขา” หรือพูดอีกอย่างว่า “ความยั่งยืน”
คือการดำเนินการต่าง ๆ ที่ครอบคลุมการผลิตเเละการบริโภคของคนรุ่นปัจจุบัน ไม่ทำให้คนรุ่นต่อไปมีความสามารถด้อยลงในการสนองตอบความต้องการต่าง ๆ ของเขา เช่น คนรุ่นปัจจุบันต้องไม่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากเกินไปจนไม่เหลือให้คนรุ่นต่อไปนำไปใช้ตามความต้องการของเขา
มนุษย์จะอยู่กันได้อย่างยั่งยืนในโลกใบนี้ที่มีอายุ 4,500 ล้านปี และมนุษย์เผ่าพันธุ์นี้ที่มีหน้าตาแบบปัจจุบันมีอายุประมาณ 200,000 ปี ก็ต่อเมื่อคนรุ่นก่อนไม่รังแกคนรุ่นต่อ ๆ ไปด้วยการบริโภคมากจนทำให้คนรุ่นต่อ ๆ ไปลำบากเพราะ ไม่สามารถบริโภคได้ดังใจของเขา
ในทศวรรษ 1970 โลกตื่นตัวกับประเด็นประชากรล้นโลก หนังสือชื่อ Population Bomb โดย Paul Ehrlich (1968) พยากรณ์การขาดแคลนอาหารครั้งใหญ่จนสังคมล่มสลายเพราะประชากรเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว
รายงานในปี 1972 ชื่อ The Limits to Growth ตีพิมพ์โดยกลุ่ม Club of Rome ใช้คอมพิวเตอร์โมเดลพยากรณ์การขาดแคลนทรัพยากรอย่างร้ายแรงในศตวรรษที่ 21 จนเกิดความตื่นตัวในการดูแลโลกและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
UN ผลักดันโครงการ MDG (Millennium Development Goals) ระหว่างปี 2000-2015 และตามด้วย SDG (Social Development Goals)ระหว่างปี 2015-2030 โดยกำหนด 17 เป้าหมายให้ประเทศสมาชิก เช่น ไร้ความยากจน / ไร้ความหิวโหย / มีสุขภาวะที่ดี / การศึกษามีคุณภาพ / มีความเท่าเทียมทางเพศ / น้ำสะอาด และสุขภาพอนามัยดี/ ฯลฯ
โดยให้แต่ละประเทศกำหนดเป้าหมายและดำเนินการให้บรรลุก่อนปี 2030 ขณะนี้ประเทศต่าง ๆ เร่งดำเนินการตามโครงการ SDG ดังที่เราได้ยินกันอยู่ทุกวัน
Sustainability เป็น concept ที่กว้างและมีพลวัฒน์กระตุ้นให้เกิดความคิดในหลายเรื่องที่เกี่ยวกับอนาคตอย่างน่าสนใจดังนี้
(1) Sustainability ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการปรับเปลี่ยนนโยบาย และใช้เทคโนโลยีใหม่ หากมันลึกลงไปถึงเรื่องของการเปลี่ยนแปลง mindset (กรอบความคิดความเชื่อ หรือทัศนคติที่ชี้นำพฤติกรรมของคน) และวัฒนธรรมของแต่ละสังคม มันท้าทายเรื่องแนวดำเนินชีวิตที่อาศัยการบริโภคเป็นตัวขับเคลื่อนดังที่เป็นกันอยู่ในปัจจุบัน
หนี้ครัวเรือนไทยที่รวมกันแล้วมากกว่า GDP ของประเทศก็มาจากการบริโภคจนมีคนแนะนำว่า “อย่าใช้เงินที่คุณยังไม่มีเพื่อซื้อสิ่งที่คุณไม่ได้ต้องการมันอย่างแท้จริง เพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้อื่นที่เขาก็ไม่ได้แคร์” “อย่าทำตัวราวกับเป็นคนมีเงิน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีเงิน” “อย่ามัวงมงายกับค่านิยม หล่อ-สวย-รวย-ฉลาด อย่างสิ้นคิด“
(2) ความกินดีอยู่ดีของมนุษย์ผูกกับสุขภาพของโลก (planet) ใบนี้อย่างใกล้ชิด การคำนึงถึงความยั่งยืนทำให้ฉุกคิดว่าการบริโภคของตนเองนั้นมิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างโดด ๆ หากโยงใยกับสุขภาพของโลก ซึ่งมีขอบเขตจำกัดเช่นกัน
การพัฒนาของมนุษย์ขึ้นอยู่กับเสถียรภาพของระบบนิเวศของโลก ถ้าสภาวการณ์มันเลวร้ายลงเรื่อย ๆ ก็มีผลต่อการอยู่รอดของมนุษย์ในระยะยาวอย่างแน่นอน
“Waste Not, Want Not” เตือนให้เราไม่สร้างความสูญเปล่า และในขณะเดียวกัน ไม่ต้องการสิ่งต่าง ๆ อย่างไร้ความหมาย แยกให้ออกระหว่าง Wants และ Needs ซึ่งอย่างหลังนี้เป็นความต้องการอย่างยิ่งเพื่อความอยู่รอดและคุณภาพชีวิตในระดับหนึ่ง
ส่วน Wants นั้นคือความต้องการบริโภคอันไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งทำให้ต้องการทรัพยากรอันมหาศาลอย่างไม่มีขีดจำกัดเช่นกัน
Wants จึงเป็นตัวการของปัญหา มีการคำนวณว่าในอัตราการบริโภคของชาวโลกปัจจุบัน เราต้องการโลกอีกประมาณ 5 ใบ เพื่อให้มีทรัพยากรเพียงพอต่อความกระหายของเรา
(3) เราจำเป็นต้องมีจริยธรรมระหว่างชั่วคน ถ้าเราใช้ทรัพยากรอย่างมากก็กระทบต่อความกินดีอยู่ดีของคนรุ่นต่อ ๆ ไปที่ยังไม่เกิดมา เราอยู่กันมาประมาณ 7,500-10,000 ชั่วคนแล้ว เราจะให้มันมาจบในพวกคนรุ่นเราหรืออย่างไร มันจะเป็นการยุติธรรมกับคนที่ควรจะได้เกิดมาและมีคุณภาพชีวิตทัดเทียมเราหรือไม่
(4) เราต้องพยายามทำให้เกิดการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโดยไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรใหม่ สินค้าที่ผลิตออกมาและใช้แล้วต้องไม่ทิ้ง นำมาเวียนใช้อีกครั้ง หรือ ซ่อมแซมและนำมาใช้อีก หรือ รีไซเคิลเพื่อใช้ในรูปของวัตถุดิบอีกครั้งดังที่เรียกว่า Circular Economy การไม่มีการสูญเปล่า หรือ No Waste คือหัวใจ
(5) Sustainability มีความสัมพันธ์กับความเป็นธรรมของสังคม (Social Justice) และสันติภาพ ความเสื่อมทรามของสิ่งแวดล้อม และปัญหาการขาดแคลนทรัพยากร เร่งให้ความขัดแย้งระหว่างชุมชนและสังคมมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นดังมีหลักฐานให้เห็นมากมายในปัจจุบัน การพัฒนาอย่างยั่งยืนในพื้นที่อันมีศักยภาพของการเกิดความขัดแย้งจึงเป็นคำตอบในระยะยาว
ปัญหาของโลกใบนี้มิได้แก้ไขด้วย “อัศวินม้าขาว” หากด้วยสมาชิกของโลกใบนี้ช่วยกันคนละไม้คนละมือ สุภาษิต “Waste Not, Want Not” ขลังเสมอ
ลึกลงไปแล้ว Sustainability คือความอยู่รอด(survival) ของโลกใบนี้ในระยะยาว ถ้าชาวโลกดำเนินชีวิตกันทั้งหมดโดยประเด็นความยั่งยืนไม่อยู่ในความคิดคำนึงของชาวโลกแล้ว โลกใบนี้อันมีความจำกัดและเปราะบางจะอยู่รอดได้อย่างไร.