‘ฟาสต์เฟอร์นิเจอร์’ ทำขยะพุ่ง รีไซเคิลไม่ได้ ฝังกลบ - เผาทิ้งอย่างเดียว

‘ฟาสต์เฟอร์นิเจอร์’ ทำขยะพุ่ง รีไซเคิลไม่ได้ ฝังกลบ - เผาทิ้งอย่างเดียว

“ฟาสต์เดโค” (Fast Deco) เป็นชื่อเรียกเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้านราคาถูก ที่ถูกผลิตเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกับเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่น ทำให้เกิด “ปัญหาสิ่งแวดล้อม” ตามมามากมาย

KEY

POINTS

  • ฟาสต์เดโค” (Fast Deco) เป็นชื่อเรียกเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้านราคาถูก ที่ถูกผลิตเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกับเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่น และสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่แตกต่างกัน
  • ขยะเฟอร์นิเจอร์ในฝรั่งเศสมีมากกว่า 500 ล้านชิ้น เป็นขยะที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ไม่สามารถรีไซเคิลหรือซ่อมแซมได้ และถูกเผาในเตาเผาขยะหรือฝังกลบ
  • ทำให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่าจำนวนมาก เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและทำลายระบบนิเวศ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้คนต่างพยายามหลีกเลี่ยง “ฟาสต์แฟชั่น” กันมากขึ้น เพราะรู้ดีว่าอุตสาหกรรมนี้ทำให้เกิด “ปัญหาสิ่งแวดล้อม” ตามมามากมาย แต่ในตอนนี้มีอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายต่อโลกไม่แพ้กัน นั่นก็คือ “ฟาสต์เฟอร์นิเจอร์” หรือ “ฟาสต์เดโค” (Fast Deco)

ฟาสต์เดโค” (Fast Deco) เป็นชื่อเรียกเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้านราคาถูก ที่ถูกผลิตเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกับเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่น เฟอร์นิเจอร์เหล่านี้สร้างขึ้นมาเลียนแบบเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง แต่มีอายุการใช้งานเพียงไม่นาน เพราะจะถูกแทนที่ด้วยคอลเลกชันใหม่ๆ ในเวลาอันรวดเร็ว

 

“ฟาสต์เดโค” เติบโต คนแต่งบ้านบ่อย

จากรายงานล่าสุดของสมาคมสิ่งแวดล้อมของฝรั่งเศส ระบุว่า อุตสาหกรรมฟาสต์เฟอร์นิเจอร์ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมไม่แพ้ฟาสต์แฟชั่น เพราะทั้งฟาสต์เดโค และฟาสต์แฟชั่นมีรูปแบบธุรกิจเดียวกัน โดยรูปแบบธุรกิจนี้มักจะเป็นแบรนด์สินค้าแฟชั่นที่แตกแบรนด์ออกมาทำสินค้าตกแต่งบ้าน เช่น Zara Home, H&M HOME และ Shein

ผู้ค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ก็มีบทบาทเช่นกัน โดยใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อกระตุ้นความต้องการ และเพิ่มยอดขาย Ikea ยักษ์ใหญ่ของสวีเดน เพิ่มสินค้าใหม่ประมาณ 2,000 รายการต่อปี ส่วน Maisons du Monde บริษัทเฟอร์นิเจอร์ของฝรั่งเศส เสนอสินค้าใหม่ 3,000 รายการต่อปี ตอบสนองความต้องการ และความปรารถนาในการตกแต่งทุกประการ

นอกจากนี้ Amazon และ Cdiscount ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซ รวมถึง Shein และ Temu แพลตฟอร์มฟาสต์แฟชั่นของจีนก็เข้าสู่ตลาดนี้ด้วยเช่นกัน ทำให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง กระตุ้นให้เกิดการซื้อของตามอารมณ์ได้ตลอดเวลา

“เห็นได้ชัดว่ายักษ์ใหญ่ของวงการฟาสต์แฟชั่น และอีคอมเมิร์ซ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเสริมสร้างกระแสนี้เพื่อให้ได้กำไรสูงสุด ทั้งการจัดจำหน่ายแบบทั่วถึง (Intensive Distribution) และเคลียร์สต็อก ซึ่งส่งผลเสียหายอย่างร้ายแรงต่อโลก” พอลลีน เดบราแบนเดียร์ ผู้ประสานงานโครงการ Zero Waste France กล่าว

อีกทั้งใช้ประโยชน์จากพลังโซเชียลมีเดีย และอินฟลูเอนเซอร์ด้วยคลิปวิดีโอประเภทแกะกล่อง รีวิว และพาชอปปิง เพื่อกระตุ้นให้คนอยากได้สินค้า ขณะเดียวกันแบรนด์ก็จัดใช้วันหยุด และเทศกาลต่างๆ เช่น วันวาเลนไทน์ และวันแม่ ออกคอลเลกชั่นใหม่ๆ  หรือจัดโปรโมชันกระตุ้นยอดขาย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อของแบบไม่ได้วางแผนไว้ก่อน (Impulsive Buying) ที่เน้นอารมณ์ และความต้องการชั่วครู่ จนกลายเป็นการบริโภคที่มากเกินไป

พลวัตของการบริโภคมากเกินไปนี้ ทำให้การตกแต่งบ้าน กลายเป็นตู้โชว์ชั่วคราวที่หมุนเวียนเปลี่ยนใหม่ตลอดเวลา ซึ่งก่อให้เกิดผลที่ตามมาอย่างร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม และสังคม

 

“ขยะเฟอร์นิเจอร์” เพิ่มขึ้น เพราะ “ฟาสต์เดโค”

ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผู้คนต่างอยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ ทำให้มีเวลาตกแต่งบ้านใหม่ แต่ละพื้นที่ต้องมีฟังก์ชันเพิ่มมากขึ้น ห้องนั่งเล่นกลายเป็นสำนักงาน ห้องนอนกลายเป็นห้องออกกำลังกาย และระเบียงกลายเป็นป่าในเมือง อีกทั้งการตกแต่งบ้านใหม่ยังช่วยสร้างบรรยากาศใหม่ๆ และเป็นการบำบัดจิตใจ ปรับตัวในช่วงการกักตัว

ผลักดันให้ตลาดฟาสต์เดโคเติบโตขึ้น ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Les Échos หนังสือพิมพ์การเงินของฝรั่งเศส แสดงให้เห็นว่าระหว่างปี 2017-2022 จำนวนสินค้าเฟอร์นิเจอร์ที่วางจำหน่ายในฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นถึง 88% ทำให้ตลาดมีมูลค่าประมาณ 26,000 ล้านยูโร หรือประมาณ 953,109 ล้านบาท

การตกแต่งบ้านใหม่กลายเป็น “นิวนอร์มอล” มาจนถึงปัจจุบัน โดยชาวฝรั่งเศส 46% ยังคงเปลี่ยนของตกแต่งบ้านในห้องนั่งเล่นอย่างน้อยปีละครั้ง ทำให้ปริมาณขยะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยระหว่างปี 2014-2020 ขยะเฟอร์นิเจอร์ในฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า จาก 270 ล้านชิ้น กลายเป็นมากกว่า 500 ล้านชิ้น เฉลี่ยแล้วทุกครัวเรือนในฝรั่งเศสซื้อของตกแต่งใหม่ 17 ชิ้นทุกปี

ปกติแล้ว กว่าที่เฟอร์นิเจอร์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานอยู่ได้หลายสิบปี แต่ในตอนนี้เฟอร์นิเจอร์เริ่มมีอายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 5 ปี และความทนทานที่ลดลง มาพร้อมกับการรีไซเคิลที่ยากกว่าเดิม เพราะในตอนนี้ของตกแต่ง และเฟอร์นิเจอร์มักทำจากวัสดุผสม ทำให้การรีไซเคิลมีความซับซ้อน และมีค่าใช้จ่ายสูง ส่งผลให้สินค้าจำนวนมากเหล่านี้ลงเอยในหลุมฝังกลบ ทำให้วิกฤติขยะทวีความรุนแรงขึ้น 

ในปี 2023 องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมรวบรวมขยะเฟอร์นิเจอร์ได้ 1.3 ล้านตัน เฉลี่ยคิดเป็นคนฝรั่งเศสสร้างขยะประมาณ 18.7 กิโลกรัมต่อคน เกือบครึ่งหนึ่งเป็นขยะที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ไม่สามารถรีไซเคิลหรือซ่อมแซมได้ และถูกเผาในเตาเผาขยะหรือฝังกลบ

แม้จะมีการซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่มมากขึ้น แต่ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ของฝรั่งเศสกลับไม่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตนี้ เพราะผู้ผลิตรายย่อยไม่สามารถแข่งขันด้านราคา และปริมาณได้ ทำให้ในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา มีตำแหน่งงานในอุตสาหกรรมนี้ลดลงถึง 25%

นอกจากนี้ฟาสต์เดโคยังทำให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่าจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่ในพื้นที่ป่าดิบ เพื่อนำมาผลิตเฟอร์นิเจอร์สำหรับตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น  การกระทำที่ไม่ยั่งยืนเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างร้ายแรง มีส่วนทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และทำลายระบบนิเวศ

“เมื่อเผชิญกับภาวะตลาดอิ่มตัว ภาคอุตสาหกรรมการตกแต่งจึงเลือกที่จะเร่งอัตราการผลิตให้สูงขึ้นจนเกินพอดีสำหรับโลก โดยมีวัตถุประสงค์เดียวกันเสมอ นั่นคือ สร้างความต้องการจากความต้องการที่ผิวเผิน ซึ่งเราจำเป็นต้องควบคุมภาคการผลิตโดยด่วน เพื่อจำกัดการใช้ทรัพยากรที่มากเกินไป” ปิแอร์ คอนดามายน์ ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์การผลิตเกินจำเป็นของ Friends of the Earth France กล่าว


ที่มา: Euro NewsNSS Magazine

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์