เปิดอันดับเงินได้คนไทย 8 ล้านบาทต่อปีมี 1% ระบบภาษีไม่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ

เปิดอันดับเงินได้คนไทย 8 ล้านบาทต่อปีมี 1% ระบบภาษีไม่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ

รัฐบาลไทยมีมาตรการหลายอย่างเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ รวมถึงการเพิ่มการใช้จ่ายสวัสดิการสังคม และปฏิรูปภาษีที่มุ่งกระจายความมั่งคั่งให้เป็นธรรมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญแนะว่าต้องมีนโยบายที่ครอบคลุมมากขึ้นเพื่อแก้ไขรากฐานความไม่เสมอภาค

ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญในประเทศไทย โดยมีช่องว่างระหว่างคนรวย และคนจนที่กว้าง แม้ว่าประเทศจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา แต่การกระจายรายได้ที่ไม่เท่าเทียมกันยังคงเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อความมั่นคงทางสังคม และความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ

รายงานการวิเคราะห์สถานการณ์ความยากจน และความเหลื่อมล้ำในประเทศ ฉบับล่าสุดประจำปี 2566 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่เผยแพร่เมื่อกันยายน 2567 ที่ผ่านมา ระบุว่า ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ของประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้น ค่าสัมประสิทธิ์จีนี (Gini Coefficient) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความไม่เสมอภาค ลดลงจาก 0.430 ในปี 2564 มาอยู่ที่ 0.417 ในปี 2566

แนวโน้มการปรับตัวลดลงของความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ดังกล่าวสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากภาคเกษตรกรรมที่ผู้มีรายได้น้อย ส่วนใหญ่ทํางาน ยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมที่ผู้มีรายได้สูงส่วนใหญ่ประกอบอาชีพกลับปรับตัวลดลงจากช่วงก่อนหน้า ทําให้ภาพรวมของประชากรกลุ่มที่มีรายได้สูงสุด (Decile 9-10) มีระดับอัตราการขยายตัวของรายได้เฉลี่ยต่ำกว่ากลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า (Decile 1-8) อย่างชัดเจน ซึ่งนําไปสู่การลดลงของช่องว่างความแตกต่างระหว่างกลุ่มที่มีรายได้สูง และกลุ่มที่มีรายได้ต่ำ

หากวิเคราะห์จําแนกตามเขตการปกครอง พบว่า ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ทั้งในเขต และนอกเขตเทศบาลมีแนวโน้มดีขึ้น อย่างไรก็ตาม พื้นที่ในเขตเทศบาลยังคงมีความเหลื่อมล้ำสูงกว่าเล็กน้อย และเมื่อพิจารณาในระดับภูมิภาค พบว่า ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้โดยรวมมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ยังมีความแตกต่างกัน ในแต่ละภูมิภาค โดยภาคเหนือมีแนวโน้มความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ภาคใต้ยังคงมีความเหลื่อมล้ำสูงที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ

อย่างไรก็ตาม ความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของประเทศไทย แม้ว่าประเทศไทยจะมีความก้าวหน้าในการลดสัดส่วนคนจน แต่ความเหลื่อมล้ำในหลายด้านยังคงเป็นอุปสรรคสําคัญ

หากพิจารณาข้อมูลเงินได้พึงประเมินของผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากฐานข้อมูลภาษี ปี 2565 จะยิ่งเห็นถึงความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ที่ชัดเจนมากขึ้น กล่าวคือ กลุ่มที่มีรายได้ สูงสุดร้อยละ 1 (Top 1) หรือมีเงินได้พึงประเมินตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป มีส่วนแบ่งรายได้ถึงร้อยละ 11.7 ของ เงินได้พึงประเมินทั้งประเทศ ในขณะที่กลุ่มที่มีรายได้ต่ำสุดร้อยละ 20 (Bottom 20) หรือมีเงินได้พึงประเมิน ในช่วง 0-150,000 บาท มีส่วนแบ่งรายได้เพียงร้อยละ 3.47 เท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่ม Top 1 ยังสามารถใช้ประโยชน์จากการหักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนได้มากกว่ากลุ่มรายได้อื่นๆ กล่าวได้ว่า ระบบภาษีเงินได้ของประเทศไทยยังทําหน้าที่เป็นกลไกในการกระจายรายได้ และลดความเหลื่อมลํ้าด้านรายได้ ไม่ดีเท่าที่ควร

สัดส่วนผู้ยื่นแบบฯ ภาษีเงินได้

เปิดอันดับเงินได้คนไทย 8 ล้านบาทต่อปีมี 1% ระบบภาษีไม่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ

หากนำข้อมูลภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด. 90 และ ภ.ง.ด. 91 กรมสรรพากร ที่ประมวลผลโดย สศช. มาเรียงลำดับสัดส่วนผู้ยื่นภาษีตามระดับรายได้ในประเทศไทยจะได้ดังนี้

1. รายได้ระหว่าง 150,001 - 300,000 บาทต่อปี

คิดเป็น 28% ของผู้ยื่นภาษีทั้งหมด

รายได้เฉลี่ย 221,040 บาทต่อปี

2. รายได้ระหว่าง 300,001 - 500,000 บาทต่อปี

คิดเป็น 23% ของผู้ยื่นภาษีทั้งหมด

รายได้เฉลี่ย 391,003 บาทต่อปี

3. รายได้ระหว่าง 0 - 150,000 บาทต่อปี

คิดเป็น 20% ของผู้ยื่นภาษีทั้งหมด

รายได้เฉลี่ย 85,068 บาทต่อปี

4. รายได้ระหว่าง 500,001 - 750,000 บาทต่อปี

คิดเป็น 14% ของผู้ยื่นภาษีทั้งหมด

รายได้เฉลี่ย 606,677 บาทต่อปี

5. รายได้ระหว่าง 750,001 - 1,000,000 บาทต่อปี

คิดเป็น 6% ของผู้ยื่นภาษีทั้งหมด

รายได้เฉลี่ย 858,888 บาทต่อปี

6. รายได้ระหว่าง 1,000,001 - 2,000,000 บาทต่อปี

คิดเป็น 6% ของผู้ยื่นภาษีทั้งหมด

รายได้เฉลี่ย 1,356,148 บาทต่อปี

7. รายได้ระหว่าง 2,000,001 - 4,000,000 บาทต่อปี

คิดเป็น 2% ของผู้ยื่นภาษีทั้งหมด

รายได้เฉลี่ย 2,686,843 บาทต่อปี

8. รายได้มากกว่า 4,000,001 บาทต่อปี

คิดเป็น 1% ของผู้ยื่นภาษีทั้งหมด

รายได้เฉลี่ย 8,370,892 บาทต่อปี

จากการจัดอันดับนี้ จะเห็นได้ว่าคนที่มีรายได้สูงสุดมีสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในประเทศอย่างชัดเจน

สะท้อนความเหลื่อมล้ำด้านรายได้

ตารางที่แสดงข้อมูลการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปี 2565 สามารถสะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ในประเทศไทยได้ในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้

สัดส่วนผู้ยื่นแบบฯ ตามระดับเงินได้ : การที่มีผู้ยื่นแบบฯ ในระดับรายได้สูงมีจำนวนน้อยกว่าผู้ยื่นแบบฯ ในระดับรายได้ต่ำมาก สะท้อนให้เห็นว่า รายได้กระจายตัวไม่เท่าเทียม โดยกลุ่มที่มีรายได้สูงสุดมักจะมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับกลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า

การกระจุกตัวของรายได้ : สัดส่วนเงินได้พึงประเมินที่นำไปคำนวณภาษีแสดงให้เห็นว่ากลุ่มที่มีรายได้สูงมีสัดส่วนการเสียภาษีที่มากกว่า ขณะที่กลุ่มที่มีรายได้ต่ำมีการเสียภาษีที่น้อยกว่ามาก นี้สะท้อนถึงการกระจุกตัวของรายได้ในกลุ่มรายได้สูง

ความแตกต่างในเงินได้เฉลี่ย : ค่าเฉลี่ยของเงินได้พึงประเมินในแต่ละกลุ่มแสดงความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างกลุ่มรายได้ต่ำกับกลุ่มรายได้สูง โดยกลุ่มที่มีรายได้สูงมีเงินได้พึงประเมินเฉลี่ยที่มากกว่ากลุ่มรายได้ต่ำอย่างมาก

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์